ที่มา : นิตยสาร Micro Computer

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ เอชดีเอส [www.hds.com] ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) และเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบการจัดเก็บข้อมูลเชิงบริการ (Services Oriented Storage Solutions) เพียงรายเดียว ประกาศเปิดศูนย์สาธิตและทดสอบระบบระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Storage Virtualization Solutions Center) แห่งแรกในประเทศไทย ณ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ด้วยมูลค่า 25 ล้านบาท

นายทวีศักดิ์ แสงทอง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวว่า ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ร่วมกับบริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายและผู้วางระบบไอทีชั้นนำ เปิดศูนย์สาธิตและทดสอบระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Storage Virtualization Solutions Center) แห่งแรกในประเทศไทยขึ้น ณ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด โดยศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์สาธิตและทดสอบผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระบบการจัดเก็บข้อมูลและระบบเสมือนจริงของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ให้กับลูกค้าและคู่ค้า ภายในศูนย์จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Virtualization) และการจัดสรรพื้นที่ของระบบจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ (Thin Provisioning) ตลอดจนความเข้ากันได้ในการทำงานของระบบ (System Compatibility) ทั้งในส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เท่านั้น สามารถ นำผลิตภัณฑ์ต่างแพลตฟอร์ม ต่างยี่ห้อมาร่วมทำงานได้

ศูนย์ดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท โดยนับว่าเป็นศูนย์แรก และศูนย์เดียวในประเทศไทยที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ด้านเครือข่ายจัดเก็บข้อมูล (Storage Area Network: SAN)

“ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบการจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถจัดการแบบอัจฉริยะเพื่อให้การบริหารสภาพแวดล้อมไอทีทั้งหมด จากหน่วยควบคุมเดียว ซึ่งช่วยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบไอทีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวนเช่นปัจจุบัน รวมถึงหลายองค์กรที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้องรับมือกับความท้าทายของปริมาณข้อมูลในองค์กรที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจำเป็นต้องบริหารจัดการโครงสร้างด้านไอทีให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดและคืนทุนอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มักจะมีความจุที่มากพออยู่แล้ว ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีการใช้ประโยชน์จริงจากระบบจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเพียง 20 – 30% เท่านั้น ซึ่งฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ สนับสนุนให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยระบบเสมือนจริงจะช่วยเพิ่มประโยชน์ของระบบจัดเก็บข้อมูลได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติม หรือลงทุนน้อยที่สุด และเทคโนโลยีเสมือนจริงของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่างยี่ห้อและต่างแพลตฟอร์มได้ และจากการเปิดศูนย์ดังกล่าวในประเทศไทย จะทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านไอทีได้ดียิ่งขึ้น”

ด้านนายวิชชุ จารุจันทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาและวางระบบคอมพิวเตอร์ชั้นนำและเป็นตัวแทนจำหน่ายของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวว่า สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ในประเทศไทยแบบครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีความรู้ ความสามารถในการวางระบบคอมพิวเตอร์

จากประสบการณ์กว่า 11 ปี ของบริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้งในฐานะที่ปรึกษาวางระบบไอทีที่ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าองค์กรต่างๆ โดยมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่มากมาย ทั้งในกลุ่มการเงินการธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มการศึกษา รวมถึงองค์กรภาครัฐและจากการเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบการจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์มาเป็นเวลา 6 ปี โดยบุคลากรของสตรีม ไอ.ที. เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบและนำเสนอเทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง หรือ สตอเรจ เวอร์ชวลไลเซชั่น และประสบความสำเร็จในการติดตั้งระบบให้กับองค์กรต่างๆมาแล้วมากมาย

“การตั้งศูนย์สาธิตและทดสอบระบบระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Storage Virtualization Solutions Center) ของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ณ บริษัท สตรีม ไอ.ที. จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการให้บริการระบบการจัดเก็บข้อมูลและช่วยให้ลูกค้าประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อระบบการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากสามารถทดสอบการทำงานของการใช้งานได้จริง ทำให้ลูกค้าไม่ต้องซื้อระบบการจัดเก็บข้อมูลเกินความจำเป็นและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน”