Skip to Content

Blog Archives

การปรับตัวทางธุรกิจด้วย Low-code development platform

Low-code development platform

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา Application ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ในการพัฒนา Application ด้วย Low code จะใช้การ Coding ให้น้อยที่สุด หรือในบางจุดก็แทบจะไม่จำเป็นต้อง Coding เลย เพราะตัว Low code จะมีการทำงานแบบ Drag & Drop Interface ร่วมกับองค์ประกอบ (Engine) ต่างๆ ใน platform ได้เลย

ในปัจจุบันเราคงได้ยินกันมาว่าทุกองค์กรต้องปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation เพื่อให้องค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งกระบวนการทำงานภายในและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดให้สามารถสร้างคุณค่าสู่ลูกค้าของเราได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในการแข่งขันทางธุรกิจเราไม่สามารถรอและปล่อยให้คู่แข่งนำหน้าเราไปก่อนได้ ดังนั้นในการนำ Low-code development platform ที่เหมาะสมกับระบบงาน และเหมาะสมกับองค์กรมาใช้งานจำมีความสำคัญต่อการปรับตัวเป็นอย่างมาก

 

Low code จะช่วยให้องค์กรที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนา Solution Digital ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่น

  1. เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาระบบงาน: Low code ทำให้มีผู้ใช้งานหลายคนสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาโดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการ Coding ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่อง Coding มากนัก สามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Application ได้
  2. สามารถพัฒนาระบบได้รวดเร็ว: Low code ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนา Application ลดการทำงานที่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องเขียน Coding ทำให้การทำงานน้องลง และทำให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยน Application ได้อย่างรวดเร็วทันต่อความต้องการของตลาดและลูกค้า
  3. ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย: ด้วยการพัฒนา Application ที่สั้นลง ดังนั้นจำนวนวันในการพัฒนา Application ก็ลดลงเช่นกัน จึงทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ ทำให้สามารถพัฒนา Application ให้มีประสิทธิภาพได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง
  4. สามารถทำงานร่วมกับระบบงานอื่นๆ ได้อย่างคล่องตัว: การทำงานของ Low code นั้นเป็น Technology ที่ถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานร่วมกับระบบงานอื่นๆ ได้อย่างคล่องตัว เช่นการทำ Automation process หรือการเชื่อมต่อกับระบบงานอื่นๆ เพื่อทำ Data processing ทำให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้นและตอบโจทย์การทำงานขององค์กรที่มีความซับซ้อนได้

 

ปัจจุบัน Low-code development platform ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนา Application ให้กับหลายๆ ธุรกิจ เช่น

  1. Finance & Banking: ในกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคารมีความจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาด Digital ตลอดเวลา สามารถนำ Low code ไปพัฒนา Application สำหรับระบบงานภายใน ระบบการทำสัญญา และการประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ รวมถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์
  2. Insurance: กลุ่มธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถนำ Low code ไปพัฒนาระบบงานเกี่ยวกับการจัดการเรื่อง Claim ระบบการจัดการกับสัญญาประกันภัย ระบบการคำนวณค่าเบี้ยและความเสี่ยงต่างๆ และระบบงานขายประกันออนไลน์
  3. Government: หน่วยงานภาครัฐ ที่ปัจจุบันก็มีการนำ Low code ไปใช้ในการพัฒนาระบบงานบริหารต่างๆ ภายในหน่วยงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองการทำงานภายในที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  4. Healthcare & Hospital: ปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นในกลุ่มของโรงพยาบาลรวมถึงกลุ่มของสุขภาพและความงาม จึงมีการนำ Low code ไปพัฒนาระบบจัดการเกี่ยวกับการนัดหมาย ระบบบันทึกข้อมูลทางการแพทย์
  5. Manufacturing: การติดต่อประสานงานกับ Supplier หรือคู้ค้าของกลุ่ม Manufacturing มีการปรับตัวให้มีการทำงานเป็นแบบ Digital มากขึ้น ด้วยการนำ Low code ไปพัฒนาระบบบริหารจัดการคลังสินค้าและจัดเก็บสินค้า ระบบภายในกระบวนการผลิต ระบบบริหารจัดการอุปกรณ์และการบำรุงรักษา และระบบจัดการกับคู้ค้าและวัตถุดิบ

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ ธุรกิจที่นำเอา Low code ไปปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุค Digital ในปัจจุบันลูกค้าสามารถเลือกหา Low code ที่เหมาะสม เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุน Digital transformation และพัฒนาการทำงานจากภายในสู่ภายนอก โดยต้องคำนึงถึงความสามารถของ Platform

• ที่มีความยืดหยุ่นในทำงาน

• รองรับการขยายและการปรับปรุง Application ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน Platform

• ต้องมีความปลอดภัยและสอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ ขององค์กร

• มีบริการหลังการขายที่ดี

• และมีความคุ้มค่าในด้านราคาที่เหมาะสมต่อการลงทุนระยะยาว

 

ทางบริษัท Stream I.T. ของเรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Application ด้วย Low-code development platform ที่มีชื่อว่า Rapidflows/Moji5 เป็น Low-code development platform ที่ได้ชื่อว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาว เพราะ Rapidflows/Moji5 นั้นสามารถพัฒนา Application ขึ้นมาได้ไม่จำกัดจำนวน Application และไม่มีการนับ User ผู้เข้าใช้งานระบบ (Unlimited Application and Unlimited User)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และให้คำปรึกษาฟรี! ได้ที่ email: marketing@stream.co.th

 

Content Writer: Kanlayakorn Chotawisakul

Solutions Consultant Stream I.T. Consulting Ltd.

0 0 Continue Reading →

Cloud Native Development – Road to “Super App” at CIT Mini Workshop 2023

สตรีมฯ ได้เข้าร่วมงาน CIT Mini Workshop จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในช่วงบ่ายวันที่ 21 สิงหาคม 2566 และได้รับเลือกให้นำเสนอโซลูชั่น InsurTech บนเวที ในหัวข้อ Cloud Native Development – Road to “Super App” การนำ Cloud Native มาใช้ประโยชน์ในการทำ Super App แอปเดียวครบ สะดวก เร็ว คุ้มค่า ลูกค้าประทับใจ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง

 

สตรีมฯ ให้บริการลูกค้าองค์กรในการทำแอปพลิเคชั่นสำหรับบริษัทประกันที่อยากสร้าง New Application หรือการ Re-design แอปพลิชั่นของตัวเอง ให้ตอบรับกับการใช้งานของลูกค้า End-user ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริษัทประกันซึ่งเรามีประสบการณ์ในการพัฒนา ทั้ง Web App, Mobile App

 

หากลูกค้าอยากพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่สามารถปรับแต่งเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีทีมงานที่มี Skill Programing ทางสตรีมฯ มีทีม Modernized Application Development แนะนำให้ทำแอปซึ่งใช้การออกแบบ Microservices Architecture นำเทคโนโลยีใหม่ๆ และเป็นรูปแบบ Cloud-Native มาช่วย run application จุดเด่นคือ ใช้ได้กับทุก Environment และทำให้สามารถเพิ่ม/ลดแอปได้อย่างคล่องตัว

 

ไม่เพียงเท่านั้น หากลูกค้าเน้นเรื่อง Speed to market ต้องการให้ได้แอปเร็ว ก็สามารถเลือกใช้ Low-code Platform ซึ่งสตรีมฯ มีให้บริการด้วยเช่นกัน

 

 

ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาแอปในหลากหลายธุรกิจ ทำให้ สตรีมฯ มีความรู้ความเข้าใจรูปแบบการพัฒนา Web App, Mobile App ได้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นหากต้องการสร้าง Super App เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานครอบคลุมทุกบริการ สามารถเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ง่าย รวดเร็ว เชื่อมต่อการทำงานกับ 3rd party ครบจบในแอปเดียว ทางสตรีมฯ ยินดีให้คำปรึกษาและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Application ให้มีความเร็ว ยืดหยุ่น แข็งแรง และยั่งยืนไปกับลูกค้า

 

0 0 Continue Reading →

Gherkin and Cucumber ทางเลือกใหม่ในการจัดการ Automation Testing ให้เป็นระบบ

ในกระบวนการพัฒนา Software แบบ Agile นั้น ใช้ User Story เพื่ออธิบาย Feature, Requirement ต่าง ๆ ของ Software ในมุมมองของ end-user แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีอุปสรรคในการสื่อสาร User Story เหล่านี้ระหว่าง Business Team และ Tech Team ให้เข้าใจตรงกัน Gherkin ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้

 

Gherkin เป็นภาษาสำหรับบรรยาย Requirement และ Acceptance Criteria ในรูปแบบที่คล้าย Human Language ซึ่งช่วยให้ทีมงานทำความเข้าใจ Requirement ต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งในเชิง Business และ Technical

 

Gherkin Systax

การอธิบาย Scenario ด้วย Gherkin มีองค์ประกอบดังนี้

  1. Scenario: อธิบายสถานการณ์ของการใช้ระบบ
  2. Given: Precondition / Context / Step ที่ต้องเกิดขึ้นเพื่อนำระบบไปอยู่ใน State ที่ต้องการ ก่อนที่ผู้ใช้งานจะมี Interaction ใด ๆ กับระบบ ส่วนของ Given สามารถมีหลายข้อได้ และเชื่อมกันด้วย And
  3. When: Interaction ต่างที่ User กระทำ หากมีหลาย Action ให้เชื่อมด้วย And
  4. Then: ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มักจะกล่าวถึงสิ่งที่เราต้องตรวจสอบ เช่น user interface, report, message, command output เป็นต้น และยังรวมถึง External System ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น หากมีการส่งข้อมูลไปยังระบบอื่น

 

Case Study: Login

ในบทความนี้ขอยกกรณีศึกษา User Story การเข้าสู่ระบบ (Login) โดยให้มี User Story ดังนี้

As a customer, I want to login using username and password, so that I can see information in the homepage.

 

Business Analyst (BA) สามารถเขียน Scenario ต่างๆ ในรูป Gherkin ได้ดังต่อไปนี้


Scenario Outline: Check login is successful with valid credentials

Given user is on login page

When user enters valid username and password – username: <username>, password: <password>

And clicks on login button

Then user is navigated to the home page

Examples:

| username | password |

| Raghav   |    12345 |

| Ele      |    12345 |


Scenario Outline: Check login is failed with invalid credentials

Given user is on login page

When user enters invalid username and password – username: <username>, password: <password>

And clicks on login button

Then error message is displayed – invalid credential

Examples:

| username | password |

|                    |    11111 |


 

จากตัวอย่าง มีการใช้ Example เพื่อกำหนด Test Data (Sample) สำหรับการทดสอบ โดยแต่ละ Scenario แรกมี 2 sample และ Scenario ที่สองมี 1 sample สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อทำการทดสอบ โปรแกรมจะนำค่าใน Sample นี้ไปแทนค่า Variable ต่าง ๆ ของ Scenario นั้น เช่น <username>, <password>

นอกจากนี้แล้วเราสามารถใช้ Tag เพื่อใช้แบ่งกลุ่ม จัดระเบียบ จำแนก scenario ได้ โดยใส่เครื่องหมาย @ ตามด้วยข้อความใด ๆ ที่เราต้องการ ไว้หน้า Scenario เช่น เราต้องการแยก Positive/Negative Test หรือต้องการกำหนด Scenario สำหรับ Smoke Test ก็สามารถใส่ Tag @positive, @negative, @smoke ลงไปได้

Tag เหล่านี้จะถูกใช้ตอน Execute Test โดยระบุ Tag Name ของ Scenario ที่เราต้องการทดสอบลงไป โปรแกรมก็จะ Execute เฉพาะ Scenario เหล่านั้นให้

 


@positive

@smoke

Scenario Outline: Check login is successful with valid credentials


@negative

Scenario Outline: Check login is failed with invalid credentials


 

เรารวบรวม Scenario ที่เป็นรูปแบบ Gherkin ไว้ใน File ที่เรียกว่า Feature File และ File นี้จะถูกนำมาสร้างเป็น Code สำหรับ Automated Test ได้ โดยอาศัยเครื่องมือที่ชื่อว่า Cucumber โดยในบทความต่อไปนี้จะยกตัวอย่างการใช้ Cucumber ร่วมกับ Maven, Eclipse, Seleninum

เมื่อเราใช้ Cucumber อ่าน Feature File เราจะได้ Output ออกมาเป็น Code Snippet ซึ่งเป็นโครงร่างเพื่อนำไปเขียน Code ต่อดังรูปตัวอย่าง

รูปฝั่งซ้ายเป็น Feature File (userlogin.feature) ส่วนฝั่งขวาเป็น Code Snippet ในภาษา Java (LoginSteps.java) สำหรับนำไปเขียน code ทำ Automated Test ต่อ ให้สังเกตว่าใน Code จะมี Annotation @Given, @When, @Then ซึ่งจะสอดคล้องกับ Scenario ใน userlogin.feature

 

เมื่อเราได้ Code Snippet แล้ว เราสามารถใช้ Selenium Library for Java เพื่อสร้าง “Glue Code” สำหรับ Automated Test ต่อไปได้ โดยจะแบ่งเป็น Class Page Factory และ Class Test Step

Page Factory Class เป็น Class ที่เป็นตัวแทนของ Page (หน้าจอ) ที่เราต้องการทดสอบ เราจะประกาศตัวแปร Web Element ต่าง ๆ เท่าที่จำเป็นในการทดสอบ เช่น หน้าจอ Login ก็จะมี Web Element ได้แก่ name (Textbox), password (Textbox), login (Button) นอกจากนี้จะมีส่วนที่เป็น division สำหรับแสดงข้อความ error message อยู่ 2 ที่ ซึ่งไม่ได้กำหนด ID แต่ใช้ CSS Class ชื่อว่า invalid-feedback

 

สร้าง Class LoginPage_PF เป็น Page Factory โดยให้มีตัวแปร Web Element สอดคล้องกับหน้าจอ ดังนี้

 

สังเกตใน Class LoginPage_PF จะมีตัวแปร WebElement ผูกกับ ID ของ Object ต่าง ๆ บนหน้าจอ ด้วย Annotation @FindBy(id) นอกจากนี้เราสามารถสร้าง List ของ WebElement ได้ เช่น ค้นหา Object บนหน้าจอ ที่ใช้ CSS Class ชื่อว่า “invalid-feedback”

 

สำหรับ Constructor นั้น ให้รับ Parameter เป็น WebDriver เข้ามา ซึ่งจะทำให้เราสามารถผูก WebElement กับ Object บนหน้าจอได้

 

จากนั้นเราเขียน code selenium ที่สั่งให้ทำ Action ต่าง ๆ บนหน้าจอ เช่น การกรอก username ในช่อง name, การกรอก password ในช่อง password, การคลิกปุ่ม Login, การตรวจหาข้อความ “Password is invalid”

 

หลังจากที่ทำ Page Factor Class LoginPage_PF เสร็จแล้ว เราก็จะมาเขียน “Glue Code” ใน LoginSteps Class ต่อ ซึ่ง Class นี้จะเรียกใช้งาน LoginPage_PF และมี Method ต่าง ๆ สอดคล้องกับกับ Scenario ใน Feature File (userlogin.feature)

 

เราเริ่มจาก Code สำหรับ Initialize และ Finalize ก่อน

  • Method browserSetup() ใช้สำหรับ setup การทดสอบ โดยทั่วไปจะ create driver ของ browser ขึ้นมา (เช่น Chrome, Firefox, Edge ซึ่งในตัวอย่างนี้ใช้ Microsoft Edge) กำหนดค่า setting ทั่วไป (เช่น timeout)
  • Method teardown() ใช้สำหรับสิ้นสุดการทำงาน โดยทั่วไปจะ close driver และ quit driver

 

 

  • จาก Code ที่แสดง เราสามารถกำหนดให้บาง Method ทำงานก่อนที่จะเริ่ม execute test ได้ โดยใส่ Annotation @Before(order) ได้ พร้อมระบุ Order เป็นเลขลำดับ ในที่นี้เราใส่ @Before ให้กับ method browserSetup ()
  • ในทางกลับกัน เราสามารถกำหนดให้บาง Method ทำงานหลังการ execute test ได้เช่นกัน โดยใส่ Annotation @After(order) ในที่นี้เราใส่ @After ให้กับ method teardown()

 

จากนั้นเราเขียน code ส่วนที่เหลือ คือ Test Step ต่าง ๆ ตาม Scenario ซึ่งจะไปเรียกใช้ Method ต่าง ๆ ที่เราสร้างไว้ใน LoginPage_PF

  • user_enters_valid_username_and_password() : การกรอก username และ Password
  • clicks_on_login_button() : การกดปุ่ม Login

 

 

สุดท้ายคือ Code สำหรับตรวจสอบผลลัพธ์ ซึ่งในที่นี้จะตรวจสอบว่าหน้าจอที่แสดงเป็นหน้าจอ Home Page หรือไม่โดยค้นหา Object ปุ่ม Logout ถ้าค้นหาพบ แสดงว่าหน้าจออยู่ที่ Home Page แล้ว

 

สังเกตว่าจะเรียกใช้ Page Factory อีก Class หนึ่งคือ HomePage_PF ซึ่งมี Web Element ที่เราสนใจคือปุ่ม Logout

 

สุดท้ายเมื่อ Build แล้ว เราสามารถ Run Automated Test ได้ผ่าน Eclipse หรือ Command Line ก็ได้

รูปต่อไปนี้แสดงการใช้ Command Line “mvn test”

 

โปรแกรมก็จะเปิด Browser ขึ้นมา และทำ Action ต่าง ๆ ที่เราเขียน Scenario ไว้ โดยอัตโนมัติ จะสังเกตว่าแต่ละการทดสอบของ Scenario จะแสดง Scenario Step (Gherkin) คู่กับ Glue Code ที่ทำงาน โดยแสดง Package Name, Class Name, Method Name เช่น

  • Step “Given user is on login page” มี Glue Code ที่คู่กันคือ LoginStep.user_is_on_login_page

ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า การใช้ Gherkin-Cucumber จะช่วยจัดระเบียบ ให้ทำความความเข้าใจและเชื่อมโยงระหว่าง Scenario และ Test ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ หากอนาคตมีการเปลี่ยนรายละเอียดของ Step ก็จะทราบส่วนที่ต้องแก้ไข Code Automated Test ได้เร็วขึ้นด้วย

 

ในตอนท้าย โปรแกรมจะแสดงสรุปผลการ Test ว่าผ่านหรือไม่ผ่านกี่ Scenario

 

หากเราต้องการทดสอบบาง Scenario เราสามารถระบุ Cucumber option ตอนที่ Run maven test ได้ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

  • กรณีต้องการทดสอบ scenario ที่มี tag ชื่อที่เราต้องการ เช่น

    • ต้องการทดสอบ scenario tag positive

mvn test -Dcucumber.options=”–tags @positive”


    • ต้องการทดสอบ scenario tag smoke

mvn test -Dcucumber.options=”–tags @smoke”


 

  • กรณีที่ Project มีหลาย Feature File เราสามารถเจาะจง Feature File ที่ต้องการทดสอบได้

    • การเจาะจงทดสอบเพียง Feature File ที่เราต้องการ ให้ระบุ Relative path ของ Feature file นั้น

mvn test -Dcucumber.options=”src/test/resources/features/userlogin.feature”


    • การเจาะจงทดสอบเพียง Feature File ใน Directory ที่เราต้องการ ให้ระบุ Relative path ของ Directory นั้น

mvn test -Dcucumber.options=”src/test/resources/features”


 

สำหรับบทความนี้ก็ขอจบเท่านี้ครับ หากสนใจโซลูชั่นด้านดิจิทัล สามารถติดต่อเราได้ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233 นะครับ

เรียบเรียงโดย Siripod Surabotsophon

Reference

  • Selenium Cucumber Java BDD Framework

https://youtu.be/4e9vhX7ZuCw

  • Source Code ในบทความนี้ สามารถ Download ได้จาก GitHub

https://github.com/siripods/SeleniumCucumberBDD

 

0 0 Continue Reading →

Outsystems First Class #2

เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สตรีมฯ ได้จัดงาน “Outsystems First Class #2” ณ โรงภาพยนตร์ AEON Theatre at Quartier CineArt ชั้น 4 ศุนย์การค้า EmQuartier

 

ภายในงานมีการแนะนำ Low-code platform ที่ช่วยในการผลิตทั้ง Web Application และ Mobile Application ด้วยวิธีการ Drag and Drop ลดเวลาการเขียน Code ลงถึง 10 เท่า เหมาะสำหรับองค์กรที่จะทำ Digital Transformation

นอกจากนั้น มีการแนะนำฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การพัฒนา Application ได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Experience Builder, Progressive Web Apps, Chatbots, Reactive Web Apps, AI Infused Experiences, Video, Voice, Message เป็นต้น

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานนะคะ เชิญชมภาพบรรยากาศจากงานด้านล่างค่ะ

หากท่านกำลังมองหาโซลูชั่นทางด้านไอทีที่เหมาะสำหรับธุรกิจของท่าน สามารถติดต่อสตรีมฯ ได้ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

OutSystems Seminar – Digital Transformation Now Roadshow

เมื่อวันอังคารที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา สตรีมได้จัดงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ OutSystems ภายใต้หัวข้อ “Digital Transformation Now Roadshow” ณ โรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท และเชิญลูกค้าผู้มีอุปการณคุณมาฟังอบรมสัมมนาเพื่อเปิดมุมมองและเตรียมพร้อมให้องค์กรสามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลเต็มตัว รวมถึงร่วมทำ workshop ด้วย โดยงานนี้ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ

  1. Low-Code Hack Day เป็น Jump Start Training เต็มวันในเรื่องการพัฒนาแอพพลิเคชัน สำหรับ Architects and Developers ทั้งในเรื่องการอัพเกรดความเร็วของแอพพลิเคชัน การออกแบบ UI และ UX ให้สวยงามใช้งานง่าย ไปจนถึงการติดตั้งใช้งานจริงร่วมกับแอพพลิเคชันอื่นๆ ในระบบ
  2. Digital Acceleration เป็น Business Talk สำหรับ IT Directors, CIOs, and Executives ในช่วงครึ่งวันบ่าย ได้นำ case study ของบริษัทชั้นนำที่ประยุกต์ใช้นวัตกรรมมาช่วยในการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ มายกตัวอย่าง รวมถึงชี้ให้เห็นจุดที่ควรคำนึงในการพัฒนาแอพ

สำหรับใครที่กำลังสนใจในเรื่องการพัฒนาแอพพลิเคชัน สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ Marketing@stream.co.th หรือโทร 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save