Skip to Content

Blog Archives

รับส่งข้อมูลลื่นไหล ไปกับ DWDM โซลูชั่น Active-Active Data Center

ปัจจุบันการใช้งานข้อมูลอย่างต่อเนื่องนั้นสำคัญอย่างมาก จึงเกิดการ backup ไปยัง Data center สำรอง (DR) เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับ Data center หลัก (HQ) ก็จะยังสามารถเรียกใช้ข้อมูลที่ได้ทำการ backup ไว้ที่ DR

การใช้งานในรูปดังกล่าวเรียกว่า Active – stand by data center ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการเรียกคืนข้อมูลจาก DR เพื่อมาใช้ ซึ่ง DR จะมีหน้าที่เพียงสำรองข้อมูล และใช้งานก็ต่อเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ HQ

จะดีกว่าไหม หากเรานำข้อมูลที่ได้ทำการ backup ไว้ จาก DR มาใช้งานอย่างอื่นด้วย เช่น ใช้สำหรับการทดสอบด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน หรือ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการ restore เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ DR

การใช้งาน Data center ในรูปแบบนี้เรียกว่า Active – active data center ซึ่งการทำ Active – active data center นั้นต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมสำหรับการใช้งานไม่ว่าจะเป็น Server, Storage, อุปกรณ์ Network ต่าง ๆ และอื่น ๆ ที่ต้องมีฟีเจอร์รองรับการทำ Active-active data center รวมถึง Database ก็ต้องรองกับฟีเจอร์ดังกล่าวด้วยหากต้องการใช้งาน

ลองนึกภาพหากเราต้องการส่งข้อมูลขนาด 1TB ไปยัง DR จะต้องใช้ความเร็วเท่าไร ถ้าใช้อินเตอร์เน็ตทั่วไป DWDM สามารถส่งข้อมูลได้กว่า 100Gbps หรือจะใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีเท่านั้น

 

 

DWDM คืออะไร?

DWDM ย่อมาจาก Dense Wavelength Division Multiplexing เป็นอุปกรณ์ transmission ทำหน้าที่รับ-ส่งข้อมูลระหว่าง Data center ตั้งแต่ 2 ที่เข้าด้วยกัน โดยใช้สายใยแก้วนำแสงหรือ Fiber optic เป็นสื่อกลางทำให้ Data center ที่อยู่ห่างกันนั้น เสมือนวางอยู่ข้างกัน ทำให้การส่งข้อมูลไปได้ไกลขึ้น เร็วขึ้น เสถียรขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น

 

ทำงานอย่างไร?

การทำงานของ DWDM คือ จะแปลงสัญญาณแสงจากอุปกรณ์ต้นทางให้เป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อต่อมายัง DWDM

แล้ว DWDM จะทำการแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ให้เป็นสัญญาณแสงในความยาวคลื่น (λ) ที่ตั้งค่าไว้เพื่อส่งผ่านข้อมูลไปยังสายใยแก้วนำแสง (Fiber optic) ไปยังปลายทาง ซึ่งแต่ละความยาวคลื่นก็จะสามารถรับ-ส่งข้อมูลได้แบบ Unlimited โดยขึ้นอยู่กับชนิดของตัวรับและส่งสัญญาณ DWDM ซึ่งปัจจุบันมี Bandwidth สูงสุดอยู่ 100G 1 ความยาวคลื่น

 

 

ตัว DWDM นั้นสามารถส่งข้อมูลได้ไกลกว่า 1,000 km โดยมีค่าความหน่วง (Latency) น้อยกว่า 5ms โดยใช้ Core จาก Fiber optic เพียง 2 cores เท่านั้น และซึ่งหากต้องการเพิ่ม Speed หรือ Bandwidth ก็สามารถทำได้ง่าย เพียงเพิ่ม Card หรือ Transceiver ตาม Speed หรือ Bandwidth โดยไม่ต้องเพิ่ม Core จาก Fiber optic

ที่ขาดไม่ได้คือ เรื่องความปลอดภัย DWDM นั้นสามารถทำ Encryption เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลได้ โดยไม่ทำให้ Performance ลดลง และ DWDM ยังสามารถทำ Protection ในตัวเองเพื่อไม่ให้มี Single point of failure เพื่อเพิ่มความเสถียรของข้อมูลได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ภาพประกอบจาก http://th.fibresplitter.com/news/introduction-to-the-components-used-in-dwdm-sy-24306019.html

 

แล้วทำไมต้องเป็นสตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง ?

สตรีมฯ เป็นที่ปรึกษาด้านโซลูชั่นดิจิทัลให้กับองค์กรชั้นนำมากว่า 20 ปี โดยให้บริการทั้ง Infrastructure, Network, Security รวมไปถึง Software Application ด้วย

เรายังมีพนักงานที่เชียวชาญในด้านต่าง ๆ ซึ่งสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่สำคัญเรามีประสบการณ์ทำโซลูชั่น DWDM นี้ ให้กับกลุ่มลูกค้าธนาคารใหญ่ ๆ มาแล้วหลายแห่ง เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องการความปลอดภัยและความเสถียรอย่างมาก ทำให้คุณนั้นมั่นใจได้ว่าระบบของคุณจะเร็วขึ้นและปลอดภัยอย่างแน่นอน

หากสนใจโซลูชั่นนี้ คุณสามารถติดต่อมายังบริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมหรือทดลองใช้งานได้เลย ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233

 

เรียบเรียงโดย Pichet Chimtuam
Solutions Engineer, Stream I.T. Consulting Ltd.

0 1 Continue Reading →

เข้าใจ Windows Server License ง่ายนิดเดียว…

สวัสดีครับคุณผู้อ่านสายไอที ทุก ๆ ท่าน ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยสับสนกับการคิด Licensed ของ Windows Server มาไม่มากก็น้อย ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่คงจะให้ Partner หรือ Vendor ช่วยในการคิดและคำนวณ Licenses ที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านในวันนี้อยากจะเข้าใจมันจริง ๆ ใช่ไหมครับ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับ IT Manager หรือ Purchasing Manager ครับ วันนี้จึงจะขอมาอัพเดทประเภทของ License และวิธีการคิด Licensed ของ Windows Server พร้อมยกตัวอย่างการใช้งานบน VMware ให้ทุกท่านเห็นภาพง่าย ๆ กันครับ

 

วิธีการคิด Licensed Microsoft Window Server Standard 2016/2019

1. ก่อนอื่นเรามารู้จัก SKUs การคิด Licenses ของ Microsoft Windows Server กันก่อนครับ ซึ่งจะมีทั้งหมดแค่สองแบบเท่านั้น ฟังไม่ผิดครับ มี 2 แบบจริงๆ คือแบบ 2 Core-Packs และแบบ 16 Core-Packs

 

2. Physical Server หรือ ESXi Host 1 เครื่องจะต้องซื้อขั้นต่ำ 16 Core Licensed หรือ 1 Processor (CPU) ต้องมีอย่างน้อย 8 Core Licensed (ถ้าเครื่องมี 1 CPU 8 Core ก็ต้องซื้อขั้นต่ำ 16 Core License)

 

3. ถ้าจำนวน Core ทั้ง 2 CPU รวมกันเกิน 16 Core ก็ต้องซื้อเพิ่มให้ครบเท่ากับจำนวน Core รวมทั้งหมด เช่น ถ้ามี 2 CPU และมี CPU ละ 10 Core จะต้องซื้อทั้งหมด 20 Core Licensed

 

4. ถ้ามี 3 หรือ 4 CPU ละ คิดยังไง CPU ที่เพิ่มขึ้นมาจะคิดเหมือนกับข้อ 1 ครับ คือ 1 Processor(CPU) ต้องมีอย่างน้อย 8 Core Licensed เช่น ถ้ามี 4 CPU และมี CPU ละ 4 Core จะต้องซื้อทั้งหมด 32 License (จะซื้อ 16 License ไม่ได้เพราะ ขั้นต่ำต่อ 1 CPU คือ 8 Core Licensed ครับ) แต่ถ้ามี CPU ละ 10 Core ก็ต้องซื้อให้ครอบคุลมทั้งหมด คือ 40 Core Licensed ครับ

 

5. ยกตัวอย่างเพิ่มเติม

a. มี 1 CPU 8 Core ต้องซื้อ 16 Core Licensed (ใช้ 16 Core-Packs 1 License จบ!!)

b. มี 1 CPU 20 Core ต้องซื้อ 20 Core Licensed (ใช้ 16 Core-Packs x 1 License + 2 Core-Packs x 2 License หรือ จะใช้ 2 Core-Packs 10 License ก็ได้ไม่ว่ากันครับ แต่แนะนำ แบบ 2-Core-Packs จะง่ายสุดเพราะแค่ หาร 2 !!!)

c. มี 2 CPU 4+4 Core ต้องซื้อ 16 Core Licensed (ใช้ 16 Core-Packs 1 License จบ!!)

d. มี 2 CPU 20+20 Core ต้องซื้อ 40 Core Licensed  (ใช้ 2 Core-Packs 20 License จบ!!)

e. มี 4 CPU 4+4+4+4 Core ต้องซื้อ 32 Core Licensed (ใช้ 2 Core-Packs 16 License จบ!!)

f. มี 4 CPU 20+20+20+20 Core ต้องซื้อ 80 Core Licensed  (ใช้ 2Core-Packs 40 License จบ!!)

 

แบบ Core Licensed ผ่านไปแล้วไม่ยากใช่ไหมหละครับ..ที่นี้มาถึงจุดที่ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าปวดหัว หรือ บอกว่าเขี้ยวจริงๆ ก็คือ การคิด Virtual Machine (VM) ที่จะใช้งาน

1. จากวิธีการคิด Core Licensed ข้างบน เมื่อคิดครบถ้วนถูกต้องแล้ว ขอย้ำว่าครบถ้วนและถูกต้องแล้วนะครับ คุณจะมีสิทธิใช้ Virtual Machine (VM) ได้สุงสุด 2 VM ต่อ 1 Physical Server ที่คุณคิด Licensed เท่านั้น

 

2. ถ้าต้องการใช้มากกว่า 2 VM และมี ESXi Cluster ละจะคิดยังไง ??? เพื่อให้เห็นภาพขอยกตัวอย่างดังนี้ครับ

จากรูป มี ESXi Cluster ทั้งหมด 3 Hosts แต่ละ Hosts มี CPU ละ 8 Core 2 CPU และมี VMs แต่ละเครื่อง 4 VMs

วิธีการคิด License ที่ถูกต้องเราจะไม่คิดแยกตามจำวน VMs แต่ละเครื่อง เพราะว่า… หากมีการทำ Cluster จะเกิดกรณีการทำ vMotion หรือ DRS ข้ามไปมาระหว่าง Hosts ได้ กล่าวคือการคิดแค่จำนวน VMs บน Hosts เดียวนั้นจะไม่ครอบคลุมถึงการทำ vMotion หรือ DRS ได้

เพราะฉะนั้น !!! จับเอา VM ทั้งหมดมารวมกันแล้วให้คิด License ตามจำนวนสุงสุดที่ได้ ยกตัวอย่างจากรูปข้างบนนะครับ

นำเอา VM แต่ละ ESXi มารวมกัน จะได้ 4+4+4 = 12 VMs ดังนั้นจะต้องซื้อ 96 Core Licensed ต่อ 1 ESXi ผมมีสูตรวิธีการคิดง่ายๆครับ “เอาจำนวน VM รวมทั้งหมด หาร 2 และคูณด้วยจำนวณ Core Licensed ที่ต้องใช้ครับ เช่น (12/2)*16 = 96 Core Licensed ต่อ 1 ESXi (16 มาจาก จำนวน Core Licensed ต่อ 2 VMs ครับ) ถ้ามี 3 ESXi ก็เอา 96 *3 อีกทีครับ จะได้จำนวน Core Licensed ที่ต้องซื้อทั้งหมด

 

3. ลองมาดูอีกตัวอย่างกันครับ

จากรูป มี ESXi Cluster ทั้งหมด 3 Hosts แต่ละ Hosts มี CPU ละ 8 Core 2 CPU และมี VMs แต่ละเครื่อง 4 VMs

  • เรามาลองคิดจาก 2 VMs ก่อนนะครับว่าต้องใช้ กี่ Core Licensed ในกรณีนี้จะได้ 32 Core Licensed นะครับ
  • เอาจำนวน VMs ทั้งหมดมารวมกันจะได้ 12 VMs

ถัดมาเอาเข้าสูตรเลยครับ (12/2)*32 *จำนวน ESXi  =  576 Core Licensed ครับ

 

วิธีการคิด Licensed Microsoft Window Server Datacenter 2016/2019

หลัการคิด Licensed ของ Datacenter Edition นั้นง่ายมากครับ กล่าวคือ ไม่ต้องสนใจ จำนวน VMs เพราะใช้ได้ Unlimited ครับ ดังนั้นนับแค่จำนวน Core Licensed ที่ต้องใช้ทั้งหมดเท่านั้นครับ ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจนะครับ

เอาจากภาพนี้เลยนะครับ จากภาพนี้นับ Core รวมได้ทั้งหมด 32+32+32 = 96 Core Licensed ดังนั้นซื้อแค่ 96 Core Licensed โดยที่ใช้ VM ได้ไม่จำกัดและสามารถ vMotion หรือ DRS ไปมาได้สบาย ๆ เพราะไม่ติดที่ข้อจำกัดเรื่อง VMs ต่อเครื่องแล้ว

 

มาถึงตรงนี้คงสงสัยแล้วใช่ไหมว่าแล้วต้องซื้อแบบไหนหล่ะ ? ถึงจะคุ้มค่าที่สุด !!

จุดคุ้มทุนสำหรับการซื้อ Microsoft Windows Server คือ 14 VMs กล่าวคือในกรณีที่คุณมี Server มากกว่า 1 เครื่อง และ คุณมีจำนวน VMs ใน Data Center คุณมากกว่าหรือเท่ากับ 14 VMs ให้ซื้อ Datacenter Edition จะคุ้มค่าที่สุด

 

ในบทความต่อไปจะมาพูดถึง CALs และ Software Assurance (SA) สำหรับ Microsoft Windows Server ต่อครับ

 

สนใจโซลูชั่นด้านดิจิทัล สามารถติดต่อเราได้ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233 ครับ

 

เรียบเรียงโดย Sukrit Phiboon
Solution Management, Stream I.T. Consulting Ltd.
0 1 Continue Reading →

สตรีมฯ จับมือหัวเว่ย ผนึกจุดแข็ง ลุยตลาด Enterprise Networking, Storage และ Cloud

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ – คุณกนกวิภา วิริยประไพกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตรีมฯ ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ได้รับเกียรติจากทาง บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เชิญมาร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญ ขึ้นพูดในหัวข้อ​ “FSI Digital​ Ready” ช่วง Finance Session กับโจทย์ “ICT Enables the Financial Industry Digital Transformation” ในงาน​ Powering Digital Thailand 2021

ณ วันนี้ สตรีมฯ เป็นคู่ค้าในระดับ Gold Partner ของหัวเว่ย เราจับมือกันเพื่อนำเสนอบริการให้กับสถาบันการเงิน รวมถึงองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่สำคัญของไทย

 

ภายในงาน คุณกนกวิภา ได้พูดถึง Roadmap ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่อง Payment Systems ที่มีองค์ประกอบหลัก ๆ 5 คำ คือ Interoperable, Innovation, Inclusion, Immunity และ Information ว่า ในการชำระเงินมีทั้งส่วนการโอนเงินทันทีให้กับบุคคลและโอนเงินระหว่างประเทศในมุมของธุรกิจ แต่ละแบบก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นระบบจึงต้องมีความพร้อมในการเชื่อมต่อและมีความเสถียร

นอกจากนี้ กรอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยวางไว้นั้นมีความเชื่อมโยงกันอยู่ เมื่อเรานำไปปฏิบัติในการออกแบบระบบ สตรีมฯ ก็ยึดมั่นในความเชื่อมโยง เพื่อให้ทั้ง Ecosystem ทำงานได้ราบรื่นมากที่สุด

ด้วยความที่สตรีมฯ โลดแล่นอยู่บนเส้นทางการเป็นที่ปรึกษาโซลูชั่นให้กับบริษัท Enterprise ​มากว่า 20 ปี จนมาเป็น Digital Provider ในวันนี้ เรามั่นใจในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในภาคการเงินการธนาคาร

 

โซลูชั่นด้านการเงินที่เราทำเริ่มตั้งแต่ด้าน Payments เราอยู่เบื้องหลังการวางระบบ infrastructure ให้กับสถาบันการเงินไทยมากว่า 2 ทศวรรษ เช่น การทำ Debit & Credit Card การร่วมวางระบบ PromptPay ไปจนถึงการทำ QR code เพื่อรองรับการชำระเงิน ที่มี transaction มหาศาลในปัจจุบัน

การวางระบบ Payment Hub ทั้งส่วนของรายย่อยและธุรกิจให้ธนาคารต่าง ๆ รวมไปถึงการออกแบบระบบด้านความปลอดภัยที่ใช้ตรวจสอบการฉ้อโกง การป้องกันการฟอกเงิน และการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น

 

ปัจจุบันเราทำโครงการเพื่อเชื่อมต่อระบบไปยังหน่วยงานของกรมสรรพากร และภาคพื้นอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการทำระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) ระบบจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice and e-Receipt) ระบบการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับตราสาร อิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) และมาตรฐานข้อความที่ใช้สื่อสารในอุตสากรรมการเงินสากล ISO20022

จุดแข็งของสตรีมฯ คือการมีโซลูชั่นในกลุ่มอุตสาหกรรมทางการเงินที่ครบวงจร ระบบมีความเสถียร และวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัล คอยสนับสนุนการเติบโตของภาคการเงินการธนาคารตลอดมา เรามองเห็นเทรนด์เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และสรรหาพาร์ทเนอร์อันดับต้น ๆ ในแต่ละด้านมาร่วมวางระบบ

 

วันนี้หัวเว่ยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ทรงพลัง ทำให้เรามั่นใจว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่เรามองหา อีกทั้งหัวเว่ยมีชื่อเสียงทั้งในตลาด Consumer อย่างสมาร์ทโฟน หรือในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมไปถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ คือ เครือข่ายโทรคมนาคม ไอที อุปกรณ์อัจฉริยะ และบริการ Cloud

 

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายโทรคมนาคมนั้น หัวเว่ยนับเป็นผู้นำของแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวกับ Data Center โดยมี Software-Defined Networking ซึ่งติดอันดับใน Gartner มีข้อดีคือ ลดงานของทีม Network Operation การ Config ทั้งหมดจะกลายเป็นแบบอัตโนมัติ จึงช่วยลดความผิดพลาดในการ Configure ลง

ทั้งยังสามารถตรวจสอบการทำงานที่ผิดปกติในระบบเครือข่าย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ Application ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการบริหารจัดการระบบเครือข่ายสำหรับ Cloud ที่มีอุปกรณ์ Switch จำนวนนับพันนับหมื่นตัว จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหัวเว่ยนั้น Storage นับเป็นส่วนที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เช่น All-Flash Storage ที่เป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ เร็วกว่าเดิม ประหยัดกว่าเดิม ตอบสนองในการใช้งาน Application ระดับหลายล้าน Transaction

ทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น แล้วยังช่วยตรวจจับสิ่งผิดปกติหรือข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าด้วย นั่นทำให้เมื่อนับส่วนแบ่งตลาด Storage กว่า 50% ของธนาคารหลักใช้โซลูชั่น Huawei All-Flash Storage ซึ่งดูแลโดยสตรีมฯ

นอกจากนี้ ทางหัวเว่ยเองก็ผลักดันบริการ Cloud ในไทยสำหรับธุรกิจในระดับองค์กร โดยพัฒนา Public Cloud ที่มี Data Center อยู่ในประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ อีกทั้งยังหมดปัญหาเรื่องความล่าช้าในการส่งข้อมูล

 

หัวเว่ยไม่เพียงแต่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เมื่อมองในมุมของการลงทุนในความรู้ด้านเทคโนโลยี บุคลากร การทำตลาด โมเดลธุรกิจที่หัวเว่ยวางไว้ และการมุ่งมั่นพยายามเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างจริงจัง ล้วนเอื้อหนุนให้ทุกฝ่ายเติบโตไปด้วยกัน

 

สตรีมฯ ได้ร่วมกับหัวเหว่ยในในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น โครงการระบบการนำเข้าและคัดแยกข้อมูลการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ National e-Payment ของกรมสรรพากร โครงการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Know Your Customer: e-KYC) และโครงการบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID: NDID) ในหลายธนาคาร

 

นอกเหนือไปจากภาคธนาคาร เรามีโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับหลายหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรัฐ โรงพยาบาล ประกัน ค้าปลีก หลักทรัพย์ โทรคมนาคม ฯลฯ สนใจสอบถามโซลูชั่นด้านดิจิทัลขององค์กรคุณ ติดต่อได้ที่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

Data Protection

ในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญมากและขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลในยุคแห่งเทคโนโลยีนี้จึงจำเป็นจะต้องมีการเข้ารหัสเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกโจรกรรมโดยผู้ไม่หวังดี ซึ่งการเข้ารหัสนั้นมีได้หลากหลายวิธี หนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหลออกไปนั่นก็คือเครื่อง KeySecure จาก Gemalto และยังช่วยบริหารจัดการสิทธ์ในการเข้าถึงข้อมูล รวมไปถึงการบริหารจัดการ key ที่ใช้ในการเข้ารหัสและถอดรหัสด้วย

KeySecure สามารถใช้ร่วมกับการทำงานที่หลากหลายตามแต่ธุรกิจและความต้องการของลูกค้า โดย KeySecure หนึ่งเครื่องสามารถใช้ร่วมกับหลายระบบงานได้ดังนี้

1. การเข้ารหัสข้อมูลในระดับ Application (Protect Application)

การเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งจาก Application เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลโดยใช้ KeySecure ในการเข้ารหัส ก่อนจะนำข้อมูลมาจัดเก็บใน database ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย Key จะไม่สามารถนำไปถอดได้ แม้จะมี KeySecure เครื่องอื่น เพราะ Key ทุก Key จะต้องมี Owner และ password

 

2. การเข้ารหัสข้อมูลสำคัญในระดับคอลัมน์ของ database (Protect Database)

การเข้ารหัสแบบนี้จะช่วยในเรื่องความเร็วและเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลในระดับคอลัมน์ที่เป็นข้อมูล Sensitive และยังควบคุมด้วยสิทธิ์ที่เข้าถึงด้วย KeySecure

 

3. การแปลงข้อมูลที่ส่งมาให้เป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลจริง (Tokenization)

Tokenization เป็นการเข้ารหัสอีกหนึ่งรูปแบบ ที่ใช้เทคโนโลยีทั้งการเข้ารหัส(Encryption) และการใช้กระบวนการ hash เพื่อที่จะปกปิดข้อมูลสำคัญให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

4. การกำหนด permission ในการเข้าถึงข้อมูลโดยผ่านการเข้ารหัส (Protect File)

KeySecure สามารถนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Protect file มาเข้ารหัส file, folder ซึ่งการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงนี้จะมีการเข้ารหัสด้วย key และ สิทธิ์ user ที่อยู่บน KeySecure นอกจากนี้ Protect File ยังสามารถนำมาใช้งานร่วมกันกับ Hadoop ซึ่งเป็นหนึ่งใน Software ที่ใช้การจัดการข้อมูลที่เรียกกันว่า Big Data

 

5. การเข้ารหัสข้อมูลของ VMware (ProtectV)

KeySecure มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการเข้ารหัส VMware ที่เรียกกันว่า ProtectV ซึ่งการเข้ารหัส VMware สามารถป้องกันข้อมูลทั้งบน cloud และ local เพื่อที่จะป้องกัน VMware ซึ่งอาจจะถูก copy ไปใช้ที่อื่นด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ดี หรืออาจจะมีข้อมูลใน VMware ที่สำคัญไม่อาจเปิดเผยได้

Written by Mr. Teerachai Joyseekate (Ton)

Senior Solutions Specialist

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจโซลูชันด้านดิจิทัล ติดต่อ marketing@stream.co.th โทร. 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

Automic Live Bangkok งานสัมมนาองค์ความรู้เทคโนโลยีการทำ Automation สุด Exclusive

Stream I.T. Consulting มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เราได้สนับสนุนและร่วมมือกับ Automic Software Pte. ซึ่งเป็นคู่ค้ากันมายาวนาน รังสรรค์จัดกิจกรรมดีๆ อย่างงาน Automic Live Bangkok ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 ณ โรงแรม The St. Regis Bangkok ให้กับลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ได้มีทางเลือกในการส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย Solution จาก Automic Software ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้กระบวนการทำงานทางด้าน IT Operation สามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน และอัตโนมัติ

โดย Solution ของ Automic Software สามารถช่วยให้งาน IT Operation ต่างๆ เป็น IT Automation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการประมวลผลแบบ Batch Processing กระบวนการ Application Deployment  หรือกระบวนการบริหารจัดการระบบงานต่างๆ ใน Data Center ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาในการทำงานทางด้าน IT Operation ได้อย่างมาก สามารถตอบสนองความต้องการทางด้านธุรกิจขององค์กรได้สูงสุด

ภายในงานได้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาบรรยายเกี่ยวกับระบบ พร้อมสาธิตการทำงานจริงและตัวอย่างจากการใช้งานจริงของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนและได้แนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนเอง

เราได้รวบรวมภาพบรรยากาศในงานมาให้ชมกันค่ะ

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Stream I.T. Consulting ได้ที่เว็บไซต์ www.stream.co.th และ FB Fan Page www.fb.com/streamitconsulting

สนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโซลูชั่นต่างๆ ได้ที่ marketing@stream.co.th หรือโทร 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save