Skip to Content

Blog Archives

Code Smell & Refactoring ตอนที่ 3

Code Smell & Refactoring ตอนที่ 3
จากครั้งที่แล้ว เรารู้จัก ประเภทของ Code Smell ไป 2 ประเภทแล้วนะครับ ในครั้งนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับประเภทของ Code Smell ที่เหลือกัน

3. Code Smell แบบเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (Change Preventers)

Dewy_spider_web

หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า Butterfly Effect ซึ่งคำนี้มันคือส่วนหนึ่งของทฤษฎีความยุ่งเหยิง (chaos theory) ถูกเสนอโดย ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ ได้เคยตั้งคำถามว่า   การกระพือปีกของผีเสื้อในประเทศบราซิลก่อให้เกิดพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัสได้หรือไม่? อันเป็นที่มาของแนวคิดที่โด่งดังไปทั่วโลกในนาม “ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก”(Butterfly Effect) แต่คนไทยจะคุ้นเคยกับสำนวนของ พอล ดิแรก นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว นั่นแหละครับ ซึ่งมีความหมายเดียวกัน แต่แนวคิดเช่นนี้ไม่ใช่เพิ่งถูกคิดแค่ในปัจจุบัน ในอดีตสำนักปรัชญาในอินเดียโบราณเสนอ ตาข่ายของพระอินทร์(Indra’s net) กล่าวถึงตาข่ายของพระอินทร์  ซึ่งถักไว้ด้วยแก้วมณีต่างๆ แต่ละเมล็ดสะท้อนให้เห็นแสงของกันและกันโยงใยเป็นปัจจัยต่อกัน  โดยตาข่ายของพระอินทร์นี้ใช้ ใยแมงมุงที่ถูกน้ำค้างในตอนเช้าเป็นสัญลักษณ์

จากทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ว่า การเปลี่ยนเล็กน้อยของระบบที่เชื่อมโยงกันเป็นทอดๆ อาจส่งผลกระทบขนาดใหญ่ของระบบได้ Code Smell เหล่านี้ก็เช่นกัน ซึ่งมีลักษณะคือ หากคุณต้องการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง Code ณ ที่ใดที่หนึ่ง Code ในส่วนอื่นๆจะได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องแก้ไข Code ในที่อื่น ๆ ด้วย การพัฒนาโปรแกรมจึงกลายเป็นความซับซ้อนมากขึ้น งานมากขึ้น ใช้เวลามากขึ้น และมีราคาแพง

4. Code Smell แบบเอาไว้ก่อน (Dispensables)

108014530

สมมุติ มีบริษัทแห่งหนึ่ง มีพนักงาน 3 คน พนักงานคนแรกไม่มาทำงานตลอด อีกคนหนึ่งตายไปแล้ว เหลือพนักงานทำงานอยู่คนเดียว แต่คุณก็ยังจ่ายเงินเดือนให้พนักงานทั้งสามคนเหมือนเดิม ถ้าคุณเป็นนายจ้าง คุณควรจัดการอย่างไรดีครับ ย้อนกลับมาที่ พนักงานคนที่ทำงานเพียงคนเดียวของคุณ ลักษณะการทำงานของพนักงานคนนี้ คือทุกวันๆเค้าต้องมาฟังวิธีการทำงานกับนายจ้างทุกวัน วันละหลายชั่วโมงก่อนทำงานจริง เวลาทำงานเค้าต้องใช้เอกสารต่างๆที่เก็บไว้รวมกับกองหนังสือการ์ตูน เอกสารงานนั้นก็มักพิมพ์มามากกว่าหนึ่งฉบับ ถ้าคุณเป็นนายจ้าง คุณควรจัดการกับวิธีการทำงานของพนักงานคนนี้อย่างไรดีครับ
เรื่องดังกล่าวก็เพียงจะอุปมาให้เข้าใจ Code Smell แบบเอาไว้ก่อนไม่เป็นไร (Dispensables) มันก็คือลักษณะ Code ที่มีสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือ เขียนมาโดยไม่มีจุดหมาย หรือเพื่อทดลองอะไรบางอย่าง หรือไม่ได้ใช้แล้ว เมื่อใช้งานจริงไม่ได้ถูกเรียกใช้งาน และไม่ได้มีการลบทิ้งหรือ Code มีลักษณะซ้ำช้อนกันมาก หรือมี Comment จำนวนมากเกินความจำเป็น Code ในลักษณะนี้อาจจะไม่ได้สร้างปัญหาให้ในกระบวนการอื่น แต่ในการทำงาน เราอาจจะต้องเสียเวลากับมันมากโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้น เราควรหมั่นทำความสะอาดโปรแกรม มีประสิทธิภาพมากขึ้นและง่ายต่อการเข้าใจ

จบเนื้อหาครั้งนี้ไว้เท่านี้ก่อนครับ    ในครั้งต่อไปเราจะมาพูดถึงประเภทของ Code Smell ประเภทสุดท้าย สรุป Code Smell แต่ละประเภท เพื่อเกริ่นนำก่อนจะลงรายละเอียดต่อไปครับ ว่ามีอะไรบ้างครับ

Stream Magento ทีม Code คุณภาพ

Sources

  • Refactoring: Improving the Design of Existing Code – Martin Fowler
  • Mäntylä, M. V. and Lassenius, C. “Subjective Evaluation of Software Evolvability Using Code Smells: An Empirical Study”. Journal of Empirical Software Engineering, vol. 11, no. 3, 2006, pp. 395-431.
0 1 Continue Reading →

การทดสอบ ionic framework ผ่านทาง application ionic view ทั้ง android และ ios


Ionic View คืออะไร ?

ตัวช่วยที่ทำให้การ test งานของเราให้ง่ายขึ้นผ่านหลาย device เพียงแค่ download app ionic view มาทั้ง ios และ android

วิธีการใช้งาน Ionic View

หลังจาก เราติดตั้ง ionic app แล้วไม่ว่าจะเป็น android หรือ ios  ให้กดปุ่ม sign up ในกรณีที่ยังไม่มี account ถ้ามี account อยู่แล้วก็สามารถเข้าได้เลย
ionic1                                          ionic2                                       signup-page

ถ้าล๊อกอินเข้ามาเเล้วยังไม่ได้อัพโหลดอะไรขึ้นไป หน้าจอจะเเสดงผลเเบบนี้ขึ้นมา

empty-state-page

เราจะทำยังไงถึงอัพโหลดงานที่เราสร้างไว้เข้ามา Test ในแอพได้ล่ะ ?

1. เข้าไปที่ไฟล์โปรเจค ionic framework ของเราที่ต้องการจะอัพโหลด

2. เปิด cmd ขึ้นมาตาม path ที่ไฟล์เราเก็บไว้

3. เสร็จเเล้ว run ionic login

4. กรอก E-mail password ที่ใช้เข้าใน ionic view

5. Run ionic upload

6. ไฟล์เราก็จะเข้าไปใน ionic view app เราสามารถดูได้เลยผ่าน app ใน device

ionic3

apps-list-page

หลังจากที่ผู้เขียนได้ลองใช้ ionic view แล้วคิดว่าเป็นโปรแกรม test  hybrid app ที่ดีเลยทีเดียว เพราะมันสามารถดูแอพได้ก่อน build app จริง เพียงเเค่คลิ๊กแอพที่เราอยากดูขึ้นมา แล้วกด view app เท่านั้น สำหรับ ios แต่สำหรับ android วิธีการดูต่างกันนิดเดียวคือ กดแอพที่อยากดูขึ้นมาเสร็จแล้วกด download และกด view app เพียงแค่นี้เราก็สามารถดูแอพที่เราสร้างมาได้เเล้ว

Reference: http://docs.ionic.io/docs/view-usage

Kanyarat Povorasin

 

0 3 Continue Reading →

มาทำความรู้จักกับ Google Analytics (ตอนที่ 1 Register & Install)

Hero-Circle_74579c96-7aa5-41b1-8742-99148b31f745_2048x2048

 

หากพูดถึงบริการของ Google  ซึ่งมีอยู่มากมายครับ มีทั้งฟรีและเสียตังค์  สำหรับเนื้อหาในบทนี้จะขอพูดเกี่ยวกับบริการของ Google ที่ชื่อว่า  Google Analytics  สำหรับคนที่พัฒนาเว็บไซต์จะรู้จักบริการตัวนี้เป็นอย่างดี  เพราะว่ามันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียดได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับการเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา ทำให้เราสามารถติดตามผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น


เราจะใช้งานบริการ Google analytics ได้อย่างไร ?

ก่อนอื่นต้องมี Email Account ของ Gmail กันก่อนครับ  หากใครยังไม่มีก็รีบๆ สมัครกันก่อนนะครับ  จากนั้นไปที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ  คลิกเพื่อไปยัง Google analytics  หลังจากที่เรา Sign in เข้าสู่ระบบและมี Account เป็นของตัวเองแล้ว  เราจะมีขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติตามอยู่ 3 ขั้นตอนดังนี้ครับ


เริ่มสมัครใช้งาน Google Analytics

การสมัครบัญชีผู้ใช้งาน จะสามารถติดตามได้ 2 แบบได้แก่  เว็บไซต์  และ แอพบนอุปกรณ์เคลื่อนที่  โดยการกรอกรายละเอียดจะแตกต่างกันออกไป

  • เว็บไซต์  ผู้สมัครจะต้องกรอกรายละเอียดดังนี้
    • ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน ให้ใส่เป็นชื่อองค์กรของคุณครับ
    • ชื่อเว็บไซต์
    • เลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์
    • URL ของเว็บไซต์ โดยมีให้เลือกทั้ง http, https
    • เขตเวลาการรายงาน ผมเลือกเป็น ไทย : (GMT+07:00) กรุงเทพ
    • การตั้งค่าการเปิดเผยข้อมูล  ตรงนี้ระบบจะเลือกไว้ให้อยู่แล้วครับ หากผู้ใช้งานไม่ต้องการบริการเพิ่มเติมก็สามารถเลือกออกก็ได้ครับ
    • จากนั้นกดปุ่ม รับรหัสการติดตามครับ โดย Google จะให้เราอ่านเงื่อนไขให้การใช้บริการที่มีบอกไว้อย่างละเอียดครับ เมื่ออ่านครบแล้วก็กดยินยอมเงื่อนไขไปครับ ประมาณ 16 เงื่อนไขแล้วระบบจะเข้าสู่เพจ  ผู้ดูแลระบบเพื่อตั้งค่าต่อไป

 

ติดตั้ง โค๊ดติดตาม อย่างถูกวิธีให้กับแอพิเคชั่นของคุณ

สำหรับโค๊ดติดตามที่ Google Analytics  ออกให้จะใช้เชื่อมต่อกันระหว่าง Google Analytics และ แอพิเคชั่น โดยผู้พัฒนาจะต้องนำโค๊ดติดตามไปติดตั้งทุกๆ หน้าของแอพิเคชั่น หรือเว็บไซต์ จากนั้น Google Analytics ก็สามารถตามเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ของเราได้แล้วครับ

  • JavaScript :  อันนี้จะเป็น script ที่เราสามารถ copy ไปติดตั้งที่ เพจของแอพิเคชั่นหรือเว็บไซต์ได้เลยครับ

บริการอื่นๆ ที่ Google เตรียมไว้ให้ และสามารถลิงค์เข้ามาใช้งานได้เลย !
  • Google AdWords
      • AdSense ช่วยคุณสร้างรายได้ด้วยการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผู้ชมของคุณบนเว็บไซต์ของคุณเอง เชื่อมโยงความสัมพันธ์เมตริกหลักๆ ของ AdSense อย่าง eCPM กับการแสดงหน่วย โดยใช้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Analytics

     

  • Google AdSense
      • AdWords คือโปรแกรมโฆษณาออนไลน์ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าและทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น ปรับปรุงแคมเปญโฆษณาของคุณและวิเคราะห์การเดินทางของลูกค้าตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่การคลิกโฆษณาไปจนถึงการทำ Conversion

     

  • Google Ad Exchange
      • Ad Exchange ช่วยคุณสร้างรายได้ด้วยการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผู้ชมบนเว็บไซต์ของคุณเอง เชื่อมโยงเมตริก Ad Exchange ที่สำคัญ เช่น eCPM และการแสดงผลหน่วย กับข้อมูลเพิ่มเติมจาก Analytics

     

  • BitQuery
    • Google BigQuery เป็นเครื่องมือจาก Google Developers ที่ทำให้สามารถทำการสืบค้นในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ คุณสามารถส่งออกข้อมูล Session และ Hit จากบัญชี Google Analytics Premium ไปยัง Google BigQuery เพื่อที่จะเรียกใช้การสืบค้นในข้อมูล Analytics ทั้งหมดของคุณได้

     

  • Search Console
      • Search Console สามารถช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้พบเว็บไซต์ของคุณผ่านการค้นหาของ Google ได้อย่างไร ค้นหาวิธีที่จะดึงดูดความสนใจมายังเว็บไซต์มากขึ้นและจัดลำดับความสำคัญของ งานพัฒนาซอฟต์แวร์

     

    สำหรับตอนที่ 1 เราได้เรียนรู้การสมัครและการติดตั้งโค๊ดติดตามให้กับเว็บไซต์ไปแล้วครับ ทีนี้ Google Analytics ก็เข้าไปเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานของ User ได้แล้วครับ เมื่อ User เข้าไปใช้งานเว็บไซต์เราและเปิดไปแต่หน้าเพจ  Script ที่ถูกติดตั้งไว้แต่ละหน้าก็จะส่งข้อมูลมาเก็บไว้ที่ Google Analytics ครับ  และ Admin สามารถมาดูรายงานนั้นได้ภายหลังซึ่งได้เลยว่าละเอียดมาก แต่ต้องตามไปอ่านในบทความตอนที่ 2 นะครับ สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ  ขอบคุณมากนะครับสำหรับการเข้ามาอ่าน 🙂

 

 

0 1 Continue Reading →

Facebook Shop ฟีเจอร์ใหม่ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรทราบ

Facebook - Shop

สวัสดีครับ หลังจากที่เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน  TeCS: Thailand eCommerce Summit 2016  ที่จัดขึ้นเมื่อวัน พุธ ที่ 22 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556  ที่ Grand Hyatt Erawan Hotel, กทม.  ภายในงานก็จะมีการเชิญเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce ของเมืองไทยมาพูดคุยแลกเปลี่ยนแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้เกิดผลสำเร็จ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ  ได้แก่ Conference Room, Workshop Room  หากใครที่ยังไม่เข้าไปในห้องก็สามารถเดินดูบูธของบริษัทต่างๆ ที่นำสินค้าของตัวเองมาจัดแสดง และสามารถถามข้อสงสัยกับเจ้าหน้าที่ประจำบูทได้  แต่ในบทความนี้เราจะขอพูดถึง  Workshop Room

Workshop Room จะเป็นห้องเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce มาแนะนำและแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ปฏิบัติมาจนทำให้เกิดความสำเร็จกับธุริจในปัจจุบัน ซึ่งจะมี Workshop  อยู่มากมาย แต่เราจะขอพูดถึง Workshop  ที่เป็น Session  ของ Facebook ครับ ซึ่งเขาจะพูดเกี่ยวกับเนื้อหาของ Social Commerce (S-Commerce) และ Elevate your sales with the new facebook page shop ซึ่งเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ  สำหรับ Social Commerce  เราจะไม่ขอยกมาพูดในบทนี้ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้จาก [ Blog ของคุณ Thanakrit Promsiri คลิกเพื่ออ่าน ]


Facebook Shop ?

 

shop

ตอนนี้เทรนตลาด eCommerce กำลังมาแรงครับ  Facebook ได้พัฒนา New Feature สำคัญที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้า ขายของบน Facebook ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งเดิมที่จะสามารถเปิด  Fan page, Group  เพื่อขายสินค้าออนไลน์  เมื่อได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก  Facebook จึงได้ขยับมาเล่นในตลาดแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มตัว  จึงพัฒนาระบบดูแล page,group ที่มีประสิทธิภาพคือ  Facebook Shop  จัดเป็นกลุ่ม  Facebook for Business  ซึ่งเสริมฟังก์ชั่นให้ Facebook group, Fanpage ให้สามารถประกาศขายของภายในกลุ่มได้ และสามารถเลือกสั่งซื้อสินค้าและส่ง message ถึงเจ้าของร้านค้าได้อย่างง่ายดายครับ  จะมีเมนู  Shop  แสดงขึ้นมาที่  facebook fan page ครับ

 

Facebook Shop มีจุดเด่นอย่างไร ?

faceboo-shop
1. หมดปัญหาโพสต์ใหม่ดันโพสต์เก่าลงไปข้างล่าง การโพสต์ผ่าน “เมนู Shop” จะทำใช้ลูกค้าเห็นสินค้าในลักษณะแคทตาล็อกอยู่บนสุดของเพจอยู่เสมอ แล้วใช้วิธีสไลด์ภาพสินค้าจากซ้ายไปขวา ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในการสไลด์ดูรูปบน Facebook อยู่แล้ว

2. ในแคตาล็อกสินค้า มีปุ่มให้ Message หาผู้ขายได้โดยตรง ทำให้เพิ่มโอกาสลูกค้าติดต่อเข้ามาที่ร้านโดยตรงมากขึ้น โอกาสขายสินค้าเพิ่มก็มีมากขึ้น

3. โฆษณาสินค้าได้น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อนจะต้องลงแรงทำ Boost Post กันหน่อย

4. วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าง่ายขึ้น – การลงโฆษณาด้วยโพสต์แบบ “เมนู Shop” จะทำให้เจ้าของร้านเห็น Insight หรือข้อมูลสติถิทางพฤติกรรมได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่าสินค้าตัวไหนในแคทตาล็อกได้รับความสนใจมากที่สุด ตัวไหนทำให้คนตัดสินใจทักข้อความมาหาเจ้าของร้านมากที่สุด เป็นต้น

 

Add Shop menu  ให้กับ  Facebook  กันดีกว่า

 add-shop-facebook

  1. ในเพจจะมีปุ่มคำว่า “+ Add Shop Section”  ที่มุมขวาบนของเพจ หากต้องการเพิ่ม Shop ก็สามารถคลิกเข้าไปได้เลยเลยครับ จากนั้นจะมี Pop up  แสดงขึ้นมา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม  Add Shop Section
  2. จากนั้นเพิ่มสินค้าให้กับ Shop ครับ
    add product to shop
  3. ภายใน Shop ของเราก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายแล้วครับ
    macbook proเขียนและเรียบเรียงโดย
    Prawit Saraphan
0 0 Continue Reading →

ถอด Test Script ให้เป็น Robot Script (Robot Framework)

หลังจากที่ทำความเข้าใจกับ Requirement ของระบบงานแล้ว ต่อมา ก็คือการเขียน Test script พอเขียนเสร็จ ก็จะเป็นขั้นตอนของการลงมือ Test ระบบตาม Step ที่เขียนใน Test script ซีงในส่วนของวิธีการที่ทำจะ Test ก็แล้วแต่ว่า Case ไหนเราสามารถทำ Automate test ได้ หรือ Case ไหนที่เราควร Manual Test

โดยในบทความนี้เราจะกล่าวถึงการทำ Automate Test โดยใช้ Robot framework ค่ะ

          “ Robot Framework คือซอฟต์แวร์ Open Source ที่ใช้สำหรับการทำ Acceptance Testing และ ATDD (Acceptance Test-Driven Development) โดยมีรูปแบบ Syntax ที่เป็นภาษาเขียนธรรมดาทำให้การ Test ระบบไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ”

 

ตัวอย่างประโยคในการเขียน Test Script

Case 1 : ลงชื่อเข้าสู่ระบบ Facebook  กรณีระบุ Username  และ Password ถูกต้อง ระบบจะแสดงหน้าหลักของเว็บไซต์ Facebook

11

 

จากตัวอย่าง case ข้างต้นเราก็จะเห็น Process การทำงานที่เรียงเป็นลำดับได้ดังนี้

12

 

จาก Process ดังกล่าว เราสามารถนำมาเขียนเป็น Script ใน Robot framework ได้ดังนี้

  1. เริ่มที่การวางโครงสร้างโดยใน sublime สามารถเรียกโครงสร้างของ Robot ได้โดยคลิกขวา > Robot Framework > Snippets

ก็จะปรากฎโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของ Robot ให้เลือกโดยที่เราไม่ต้องพิมพ์เองเลย

13

          บันทึกไฟล์ชื่อ case-1-facebook-login.txt ไว้ในโฟล์เดอร์ที่ต้องการ

14

  1. เมื่อสร้างโครงสร้างเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเขียน Test case ได้เลย ในกรอบสี่เหลี่ยมสีชมพูคือคีย์เวิร์ด ที่สั่งให้สคริปทำงานนั่นเองค่ะ สามารถเข้าไปดู Keyword ใน Selenium2Library ได้ที่นี่

15

คำอธิบาย :

Note : ช่องว่างระหว่าง Keyword กับ Argument ต้องห่างกัน 2 วรรคขึ้นไป ไม่เช่นนั้น Robot จะถือว่าเป็น Keyword เดียวกัน

 

  • Open Browser https://www.facebook.com/    gc

คำสั่งเปิดเว็บไซต์ facebook  จากตัวอย่างจะเขียนตามด้วย  gc  คือจะเป็นการกำหนดเว็บบราวเซอร์เปิดโดยเว็บบราวเซอร์ Google Chrome แต่ถ้าไม่มีการกำหนด ก็จะเปิดเว็บไซต์ด้วย Default web browser นั่นคือ Firefox

  • Wait Until Page Contains โลโก้ Facebook

Wait Until Page Contains เป็นคำสั่งที่ตรวจสอบว่า เจอสิ่งที่เราคาดหวังหรือไม่ จากตัวอย่างคือ เมื่อเปิดเว็บไซต์ facebook ขึ้นมาจะต้องเจอ “โลโก้ Facebook” ซึ่งสิ่งที่เราคาดหวังเราจะหาได้โดยการกด inspec ในหน้าเว็บไซต์

16

          ทั้งนี้สิ่งที่เราคาดหวังอาจจะเป็นได้ทั้งข้อความ, รูปภาพ, Text box หรือ Element อื่น ๆ ก็ได้ แต่ Wait Until Page Contains จะใช้ในกรณีสิ่งที่เราคาดหวังเป็น Text เท่านั้น ถ้าสิ่งที่เราคาดหวังเป็นรูปภาพอาจจะใช้คีย์เวิร์ดอื่นแทน เช่น

Wait Until Page Contains Element    <<Element locator>>

          ซึ่ง Element locator ได้แก่

17

เป็นคำสั่งให้กรอกค่าลงไปใน Text box หรือ Text area ซึ่งระบุ Text box ที่ต้องการให้กรอกด้วย Element locator นั่นเอง

  • Input Password pass    xxx

คำสั่งนี้ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ Input Text แต่ค่าข้อมูลที่ระบุลงไปจะเป็นลักษณะของการกรอก Password

18

  • Click Button เข้าสู่ระบบ

เป็นคำสั่งให้คลิกปุ่ม

  • Wait Until Page Contains หน้าหลัก

ตรวจสอบว่าเมื่อคลิกปุ่มเข้าสู่ระบบแล้ว หากกรอกอีเมล์และรหัสผ่านถูกต้อง ระบบจะแสดงหน้าหลักของ Facebok

  • Close Browser

คำสั่งปิดบราวเซอร์ เมื่อเสร็จสิ้นการทำงาน

  1. หลังจากที่เราทำการเขียนครบทุกคีย์เวิร์ดแล้ว กดบันทึกอีกครั้งแล้วทำการรันโดยกด Ctrl+B Robot ก็จะทำงานโดยเริ่มจากคีย์เวิร์ดในบรรทัดแรกไปจนถึงบรรทัดสุดท้าย

19

20

เมื่อรันเสร็จสิ้น Sublime จะแสดงผลการรันดังนี้

21

 

นอกจากนี้ตัว Robot framework ก็จะ Generate Log file หลังจากที่เสร็จสิ้นการรันเป็น .html ไฟล์ ในโฟล์เดอร์เดียวกับไฟล์ .txt ของเราด้วยซึ่งจะมีลักษณะดังนี้

22

 

Note: คีย์เวิร์ด “Wait Until Page Contain” หรือ “Wait …”  เป็นคีย์เวิร์ดที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีหลังจากที่เกิดการกระทำกับระบบที่เราทำการ Test เช่น Mouse action ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นการกำหนดว่า พอเกิดการกระทำจากคำสั่งใด ๆ แล้วผลลัพธ์เมื่อการกระทำนั้นเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Quality Assurance

 

0 6 Continue Reading →

การติดตั้ง Robot Framework

หลังจากที่ได้รู้จักกับ Robot Framework เบื้องไปแล้วจากบทความ มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น  ในบทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนของการติดตั้งตัว Robot Framework กันนะคะ

สิ่งที่ต้องมี

  • Python version 2.xx เท่านั้น (Robot Framework ยังไม่รองรับเวอร์ชั่นที่สูงกว่า)
  • Get-pip.py
  • Sublime Text version 2 หรือ 3
  • Web Browser : Firefox

 

ขั้นตอนการติดตั้ง

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง Python

เข้าไปดาวน์โหลด Python ได้ที่ https://www.python.org/download/releases/2.7.8/  หลังจากนั้นทำการติดตั้ง

  1. หลังจากนั้นทำการเซ็ต Path ของ Python ตามขั้นตอนต่อไปนี้

2.1 คลิกขวาที่ Computer

2.2 เลือก Properties

2.3 ปรากฎหน้า Advanced system settings

2.4 Environment Variables..

2.5 เลือก System Variables แล้วเลือก Path

2.6 คลิกปุ่ม Edit

2.7 จากนั้นทำการเพิ่ม Path “C:\Python27\;C:\Python27\Scripts\” ลงไป

1

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง get-pip.py

3.1 ทำการดาวน์โหลด get-pip.py จาก  https://bootstrap.pypa.io/get-pip.py

3.2 หลังจากได้ไฟล์ get-pip.py แล้ว คัดลอกไฟล์ไปไว้ในโฟล์เดอร์ที่ต้องการติดตั้ง

3.3 ทำการติดตั้งโดยเข้าไปในโฟล์เดอร์ที่เก็บไฟล์ get-pip.py  ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ก็จะเป็นการเริ่มติดตั้ง

3.4 เปิด cmd (command prompt) เพื่อตรวจสอบเวอร์ชันของ pip ที่ทำการติดตั้ง โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้

pip –version

2

  1. ทำการติดตั้ง Robot Framework ผ่าน pip โดยพิมพ์คำสั่ง

 

pip install robotframework

  1. ทดสอบว่าติดตั้งสำเร็จและสามารถใช้งานได้ โดยพิมพ์คำสั่ง

 

pybot –version

3

  1. ติดตั้ง Library ที่จะใช้งาน โดยในที่นี้เราจะใช้งาน Selenium ก็สามารถติดตั้งโดยใช้คำสั่งต่อไปนี้

 

pip install robotframework-selenium2library

 

  1. ติดตั้ง Sublime Text Editor

7.1 ติดตั้ง Sublime Text เวอร์ชัน 2 หรือ 3 ในที่นี้เราจะติดตั้งเวอร์ชัน 2

7.2 ติดตั้ง Package Control โดยเข้าไปคัดลอกซอร์สโค๊ดจาก   https://sublime.wbond.net/installation#st2

6

        7.3 เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ทำการเปิดโปรแกรม Sublime Text ขึ้นมา จากนั้นเลือก View เลือก Show Console จากนั้นนำซอร์สโค๊ดที่คัดลอกไว้ใน 7.2 มาวางใน Console รอให้มันทำการติดตั้ง Package Control สักครู่

8

        7.4 หลังจากนั้น ทำการปิดโปรแกรม Sublime แล้วเปิดอีกครั้ง เพื่อเป็นการ Restart โปรแกรม

7.5 เมื่อ Restart Sublime เรียบร้อยแล้วขั้นตอนสุดท้าย คือการ install package Robot Framework เพื่อสามารถรันผ่าน Sublime ไปที่ Preferance > Package Control

4

จากนั้นพิมพ์คำว่า install เลือก install package

5

พิมพ์ Robot Framework

9

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Quality Assurance

 

 

0 0 Continue Reading →

การตั้งค่า Shipping method ใน Magento 2

Magento 2 นั้น เราสามารถตั้งค่า rate การจัดส่งสินค้าได้ ทั้งหมด 4 แบบ

  1. Free Shipping
  2. Flat Rate
  3. Table Rates
  4. Dimensional Weight

 

อันแรกที่จะอธิบายคือการตั้งค่าแบบ Free Shipping เราสามาถตั้งค่าเพื่อดึงดูดลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน แล้วส่วนมากลูกค้าก็จะชอบเงื่อนไขแบบนี้มาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อสินค้าครบ  500 บาท ค่าจัดส่งสินค้าฟรี เป็นต้น

ขั้นตอนแรกในการตั้งค่า Free Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Free Shipping
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • ตั้งชื่อ Title
  • หลังจากเพิ่ม Title แล้วก็ต้องใส่ Method Name เข้าไปด้วย
  • กำหนด Minimum Order Amount
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. กรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ไปที่ Save Config

 

1

2

 

2. Flat Rate Shipping 

เจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์สามารถ fix ค่า ของการจัดส่งสินค้าในสินค้าแต่ละอันได้

ขั้นตอนในการกำหนดค่า Flat Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Flat Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name
  • Type ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของร้านเองเลยว่าจะกำหนด รูปแบบของ Type เป็น Per Order หรือ Per Item
  • ตั้งราคาที่เจ้าของร้านต้องการจะเก็บค่าขนส่งสินค้าจากลูกค้า
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

3

5

3.Table Rate Shipping

การคิดค่าขนส่งแบบ Table rate จะเป็นการคิดค่าขนส่งตามน้ำหนัก, ปลายทางที่ส่ง หรือ ราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ

ขั้นตอนการตั้งค่า Table Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Table Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name ชื่อที่ตั้งนี้จะไปแสดงที่หน้า Checkout ด้วย
  • ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือเลือกคำนวณค่าจัดส่ง การคำนวณค่าจัดส่งจะถูกแบ่งเป็น 3 วิธีที่แตกต่างกัน
  • 1. Weight VS Destination
  • 2. Price VS Destination
  • 3. No. of Items VS Destination
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

7

8

 

4. Dimensional Weight

วิธีการนี้คือการคิดค่าขนส่งสินค้าตาม rate ของบริษัทส่งสินค้า เช่น FedEx ,DHL, UPS

สุดท้ายนี้ในการกำหนดค่าshipping method สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ magento 2 ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ function ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้าของคุณ ผู้เขียนได้ทดลองใช้ shipping method ระหว่าง magento 1 และ magento 2 ผู้เขียนได้เห็นว่ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในเรื่องของ interface แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบ interface ของ magento 2 มากกว่า

Kanyarat Povorasin

0 0 Continue Reading →

สตรีมได้รับ Magento 2 Certificate ที่แรกของไทย!!!

Stream it passed the magento 2 training solution partner

บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด เป็น Partner หนึ่งเดียวของไทยที่ Magento กล้าการันตีว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญใน Magento e-commerce Platform และสตรีมได้รับ Magento 2 Training Certificate อย่างเป็นทางการ

  • เราคือผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนา Magento 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ถ้าคุณให้ทีมงานของเราพัฒนาระบบ e-commerce เพื่อใช้ในธุรกิจ  คุณจะได้ระบบที่มีคุณภาพ ใช้งานได้จริง และสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี
  • ลูกค้าส่วนใหญ่ได้ให้ความไว้วางใจเรา

Magento 2 Trained program ทำอะไรบ้าง?

Requirement:

1.Front End developer หนึ่งคน ต้องลงทะเบียนและเรียนรู้ในหัวข้อต่างๆของคอร์ส Core Principles for Theming in Magento 2.

2.Developer สองคน ต้องลงทะเบียนและ ดูทั้ง 5 Training module สำหรับ Fundamentals of Magento 2 Development ให้จบ.

Process:
– Developer จะต้องลงทะเบียนเรียนคอร์ส Fundamentals ของ Magento 2 ให้ครบทุกบท

-เราจะใช้ Developer หนึ่งคนในการลงทะเบียน Magento 2 Trained Partner จากหน้านี้ คลิกดูลิงค์เพิ่มเติม หลังจากเราได้เรียนบทเรียนครบหมดแล้ว ลงทะเบียนเสร็จเราจะสามารถเข้าถึงกิจกกรมผ่านทางMagento U

Course activities included
– Developer ที่ลงทะเบียนเรียนจะต้องทำแบบทดสอบให้เสร็จตรงตามที่กำหนดไว้ และทำการส่งให้ทางผู้จัดคอร์สเรียนเพื่อทำการตรวจต่อไป
– Developer ที่ลงทะเบียนทุกคนจะต้องทำแบบสำรวจความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเรียน Fundamentals ของ Magento 2 ให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละบท

 

Prawit SaraphanKanyarat Povorasin

เขียนโดย Magento Team @ Stream I.T Consulting Ltd.

0 0 Continue Reading →

“Real-Time Payments Breakfast Briefing” by Stream IT Consulting

IMG_2961

สตรีม ไอที คอนซัลติ้ง ร่วมกับพันธมิตร D+H

ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านระบบการชำระเงินมาตรฐานโลกให้กับทางธนาคารขนาดใหญ่
จัดงาน “Real-Time Payments Breakfast Briefing” ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2559
ณ โรงแรม St. Regis เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยี Global Pay Plus
สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจธนาคารไปสู่ภูมิภาคอื่นๆทั่วโล
การทำแซทเทิลเมนต์และคิดค่าธรรมเนียมการบริการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินแห่งชาติ
NPMS (National Payment  Message Standard) บนมาตราฐาน ISO20022
ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไท

งานนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคธนาคารต่างๆให้การตอบรับที่ดีและเข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น
โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทางการเงินมาแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้กับ
Singapore’ s Fast and Secure Transfers (FAST) และ Australia’ s New
Payments Platform (NPP) รวมถึงเทรนใหม่ๆของ Immediate Payments Globally
ที่จะเสริมศักยภาพด้านการชำระเงินให้กับ P2P, C2B, B2C, B2B, G2C/C2G
โดยใช้ Payment Modernization Platform จากทาง D+H และสตรีม ไอที
คอนซัลติ้งจะเป็นผู้สนับสนุนบริการตามมาตรฐานของธนาคารเพื่อผลักดันให้
ธนาคารในบ้านเราสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ต่อไป

ภาพบรรยากาศในงาน

0 2 Continue Reading →

How to install Magento CE 2 and Sample Data

How to install Magento CE 2 and Sample Data

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.06 PM

Magento Community Edition 2.0.2

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการติดตั้ง  Magento CE 2  ที่แสนง่ายดายนะครับ เมื่อไม่นานมานี้ทางผู้พัฒนา eCommerce  รายใหญ่อย่าง Magento  ได้ปล่อยซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดชื่อว่า Magento Community Edition 2.0  ให้ดาวโหลดแล้วในหน้า  เว็บไซต์ของ Magento  ซึ่งได้ออกแบบและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาใหม่ทั้งหมด ส่งผลดีต่อระบบคือ ความเร็วเพิ่มขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง ที่สำคัญคือเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่าเดิม จากนั้นก็พัฒนาแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในขณะใช้งานจากนักพัฒนาทั่วโลก ปรับให้รองรับการทำงานบน PHP 7 ทำให้มีการอัพเดทซอฟแวร์เป็นเวอร์ชั่น 2.0.1 และภายหลังอาทิตย์เดียวก็มีการออกเวอร์ชั่น 2.0.2  เพื่อแก้ไขปัญหาของการอัพเดท แต่ไม่ได้แก่ไขบัคใดๆ  ผมขอใช้เวอร์ชั่นล่าสุดในการติดตั้งนะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.31 PM

Guide line

 

  • เลือกวิธีการติดตั้งที่คุณต้องการ
  • เลือกติดตั้งแบบไหนดี ?
    การติดตั้ง Magento CE 2.0.2  สามารถเลือกติดตั้งได้ 2 วิธีไดเแก้
  • กรณีที่ไม่ติดตั้ง Sample Data  เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมีเพียงระบบเท่านั้น จะไม่มีตัวอย่างสินค้าในระบบครับ แต่วิธีการติดตั้งไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง  Command line ครับข้อดีคือ ไฟล์ดาวโหลดมีขนาดเล็ก
  • กรณีติดตั้ง Sample Data  ทดสอบที่ทางผู้พัฒนาให้มากับซอฟแวร์ครับ  เป็นข้อมูลร้านค้าขายสินค้าชื่อว่า  Luma  เมื่อเลือกติดตั้งแบบ Sample Data แล้วจะมีหน้าร้านเป็น Luma  เลยครับสามารถทดสอบใช้งานระบบได้ทันที แต่การติดตั้งมีการใช้คำสั่ง Comand line นิดหน่อยนะครับ  ข้อเสียคือ ไฟล์ที่ดาวโหลดมีขนาดใหญ่ครับ

 

    • ดาวโหลด Magento CE 2.0.2
      คุณสามารถเข้าไปเลือกดาวโหลดได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาเลยครับ  คลิกเพื่อดาวโหลด  โดยเลือกดาวโหลดได้ทั้งแบบไม่ต้องมี Sample Data  และมี  Sample Data  แต่ขนาดไฟล์ก็จะแตกต่างกันไปครับ แนะนำให้ดาวโหลดไปไฟล์ zip นะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.36.28 PM

 

  • ความต้องการของระบบก่อนทำการติดตั้ง Magento CE 2.0.2  ควรเช็คว่าซอฟแวร์ต้องการอะไรบ้าง เพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของระบบ

 

    • ระบบปฏิบัติการ :  Linux distributions such as RedHat Enterprise Linux(RHEL), CentOS, Ubuntu, Debian และอื่นๆ
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  Linux ubuntu 14.04
    • Apache 2.2 หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  apache 2.2
    • PHP 5.5.X ,  PHP 5.6.x , หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  Magento CE 2  ไม่รองรับ  PHP  5.4
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  PHP 7
    • PHP Extensions ที่จำเป็น
      • PDO/MySQL
      • mbstring
      • mcrypt
      • mhash
      • simplexml
      • curl
      • gd2, imageMagick  6.3.7 หรือมากกว่า
      • soap
      • intl
      • bc-math
      • openssl
    • MySQL 5.6.x
      • โน๊ต : ผู้เขียนใช้  MySQL 5.6.28
    • Composer  1.x  
      • โน๊ต :  composer มีไว้เพื่อใช้ในการดาวโหลด  Package หรือ library  ที่จำเป็นของระบบจากแหล่งต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในไฟล์ composer.json
    • Mail Transfer Agent (MTA) หรือ SMTP Server
    • ไม่บังคับแต่ควรมีไว้
      • php_xdebug 2.2.x  เพื่อใช้ในการ Debug เวลาพัฒนา  Extensions ร่วมกับ  Magento CE 2
      • PHPUnit 4.1.x  เพื่อใช้ในการเขียน Unit test

 

  • ติดตั้ง  Magento CE 2.0.2

    เมื่อคุณตรวจสอบความถูกตามที่ระบบต้องการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถทำตามขั้นตอนการติดตั้งดังต่อไปนี้ได้เลยครับ

 

ทำการ Extract file Zip  ที่ดาวโหลดมาและ  Copy  ไปวางไว้ที่  Web root  ของผู้เขียนจะอยู่ที่  var/www/html/

Screen Shot 2559-03-23 at 3.37.24 PM

    • สร้างฐานข้อมูล

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.13 PM

    • Composer install  และ Deploy  Sample Data

Composer Install
เปิด  Command Line  ขึ้นมาจากนั้นก็เข้าไปในตำแหน่งในโฟล์เดอร์ของ Package ใน  Web root  ถ้าเป็น Linux  อย่าลืมเปลี่ยนผู้ใช้งานเป็น  root ด้วยนะครับ จากนั้นพิมพ์คำสั่ง
php composer.phar  install

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.47 PM

      • จากนั้น Composer จะไปตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Library และดาวโหลด  Library  มาไว้ใน  Package  หากไม่มีการแก้ไขเวอร์ชั่น ก็จะไม่ดาวโหลดลงมาแบบตัวอย่าง

Deploy Sample Data
เพื่อไปตรวจเช็คและอัพเดทข้อมูล  Sample Data  จากเว็บหลักของ Magento  ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณทำถูกวิธี  ดูคำอธิบายเพิ่มเติม  นอกจากนั้นคุณจะต้องสร้าง Authentication Key  และนำมาใช้ในการ  Composer Add Key   และท้ายสุดก็สามารถทำการ  deploy  ได้ครับ
php bin/magento sampledata:deploy

Screen Shot 2559-03-23 at 3.39.13 PM

    • ติดตั้ง Magento มีทั้งหมด  7  ขั้นตอน

      ใช้โปรแกรม web browser ที่คุณใช้เป็นประจำ ระบุ  URL  ไปที่ตำแหน่งที่คุณวาง Package  ไว้ใน Web Server  ผู้เขียนใช้  127.0.0.1/mage2  นะครับ

      • ขั้นตอนที่ 1  :  Agree and Setup เป็นหน้าแรกสำหรับการติดตั้ง กดปุ่ม Agrea and Setup Magento เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.14 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 2  :  ตรวจสอบความถูกต้องของระบบก่อนติดตั้ง  หากผ่านทุกขั้นตอนคลิกปุ่ม Next เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.48 PM

      • ขั้นตอนที่ 3 :  ติดตั้งฐานข้อมูล เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Database Server Host :  กรอกชื่อ หรือ IP ของโฮสต์ ค่าเริ่มต้นคือ  localhost
        • Database Server Username :  กรอกชื่อผู้ใช้งาน ค่าเริ่มต้นคือ root
        • Database Server Password :  กรอกรหัสผู้ใช้งาน
        • Database Name :  กรอกชื่อฐานข้อมูล
        • Table prefix :  กรอกคำนำหน้าตาราง (สามารถเว้นว่างได้)

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.25 PM

      • ขั้นตอนที่ 4  :  ตั้งค่าเว็บไซต์  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Your Store Address : คือ url ของเว็บไซต์หน้าบ้านสำหรับลูกค้า
        • Magento Admin Address : คือ url ของเว็บไซต์หลังบ้านสำหรับผู้ดูแลระบบ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.54 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 5  :  ตั้งค่าโซนเวลา ภาษา และสกุลเงิน  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Store Default Time Zone :  เลือกโซนเวลาที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Currency  :  เลือกสกุลเงินที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Language :  เลือกภาษาที่ใช้ภายในร้านค้า

Screen Shot 2559-03-23 at 3.42.31 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 6  :  ตั้งค่าร้านค้า เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • New Username :  กรอกรหัสผู้ใช้สำหรับผู้ดูแลระบบ
        • New Email :  กรอกอีเมล์ผู้ใช้งาน
        • New Password : กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน
        • Confirm Password : กรอกยืนยันรหัสผ่านผู้ใช้งาน

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.09 PM

      • ขั้นตอนที่ 7  :  ติดตั้งระบบใช้เวลาไม่นาน หากติดตั้งใน Linux  แนะนำให้  Change Permission Package ก่อนเพื่ออนุญาตให้ระบบสามารถอ่านไฟล์และเขียนไฟล์ได้

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.40 PM

เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์จะแสดงผลลัพธ์แบบนี้ ระบบจะแจ้งสิ่งที่จำเป็นในการเรียกใช้งานระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน คุณควรจดจำให้ดี แนะนำให้เขียนใส่โน๊ตไว้เพื่อป้องกันลืมครับ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.44.11 PM

    • ตัวอย่างหน้าร้าน LUMA

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.01 PM

 

    • ตัวอย่างหลังหลังบ้าน Admin login

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.31 PM

 

Prawit Saraphan

ขอขอบคุณภาพประกอบภาพที่ 1 จากเว็บไซต์ magento
เขียนและเรียบเรียงโดย  Prawit Saraphan

 

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save