Skip to Content

Blog Archives

Magento 2.0 – What’s new?

Magento 2.0

Magento 2.0 – What’s new?

Next Generation Digital Commerce Platform

มีข้อสงสัยกันเข้ามามากเกี่ยวกับ Magento 2.0 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เร็วขึ้นมั้ย รองรับเทคโนโลยีอะไรบ้าง UI ละ แล้ว Framework เปลี่ยนมั้ย เลิกใช้ prototype หรือยัง Theme สวยมั้ย และจะพัฒนาต่อไปในทิศทางไหน โน่น นี่ นั่น บลา บลา บลา วันนี้เรามาลองดูกันครับ

ก่อนอื่น ผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่า Magento เป็น eCommerce Solution ที่อยู่ในกลุ่มผู้นำของตลาด ทั้ง Open Source และ Enterprise เดี๋ยวเราลองมาสรุปภาพรวมของ Magento โดยคร่าวๆกันก่อน

  • Magento เริ่มต้นพัฒนาในปี 2007 โดย Varian Inc.
  • 2008 Beta Software ชุดแรกถูกส่งออกมา
  • 2010 eBay Inc. เข้ามาสนับสนุนโดยถือหุ้น 49% 1
  • 2011 ถูกซื้อเข้าไปอยู่ใน eBay Inc.
  • 2015 Magento ถูกควบรวมโดย Permira Funds 2
  • 2015 Official launch Magento 2.0

Magento 2 / A New Era Of Commerce Innovation 3

ใน blog ของ magento เอง ได้กล่าวไว้ว่า Magento 2.0 เป็น Next Generation Digital Commerce Platform ที่จะมาช่วยใน การส่งเสริมตราสินค้า, การค้าปลีก หรือ การทำธุรกิจ ทั้งแบบ B2C และ B2B โดยมุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็วในการส่งมอบ และความคุ้มค่าของการลงทุน บนระบบ digital commerce ในแบบ Omnichannel

Magento 2.0 ยังคงเพิ่มความสามารถในการทำงานได้รวดเร็วขึ้น, มีความสามารถใหม่ๆที่จะช่วยในการเพิ่มยอดขาย อีกทั้งมีการเพิ่มคุณภาพของตัวระบบ Magento 2.0 เองด้วย

Magento 2.0 ยังคงมี 2 เวอร์ขั่นให้เลือกใช้เช่นเดิม คือ Magento Enterprise Edition 2.0 และ Magento Community Edition 2.0

Enterprise-grade Scalability and Performance

ใน Magento 2.0 ความเร็วในการโหลดหน้าเวปจะเร็วขึ้นราวๆ 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Magento 2.0 ใส่ Vanish มาให้ตั้งแต่ on-the-shelf Software เลย นอกจากนี้ Admin Panel ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการทำงานของผู้ดูแลระบบได้พร้อมๆกันได้มากขึ้น

Secure Payments

Magento 2.0 มาพร้อมกับระบบการจ่ายเงินของ Paypal, Braintree และ Authorize.net และ Magento Enterprise Edition 2.0 ยังรอบรับ Worldpay และ CyberSource เพิ่มขึ้นอีก

ระบบ security ที่ดีของ Magento 2.0 ยังมีผลให้ การขอ PCI compliance ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

New default theme and admin GUI

บน Magento 2.0 มีการใช้ Frontend theme ใหม่ codename “Luma” ซึ่งเน้นมุมมองที่สะอาด แต่เตะตา มีการเปลี่ยนแปลงจาก Magento 1 – Madison Island theme พอสมควรทั้งทางด้านโครงสร้างภาพบนหน้าจอ การรองรับ Responsive แบบสมบูรณ์กว่าเดิม และความเร็วที่เพิ่มขึ้น

magento 2.0

ในด้าน Admin Panel ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น การตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับระบบทันสมัยมากขึ้น

Magento 2.0

No more Prototype

จากวันที่ Magento เริ่มพัฒนา ในวันนั้น jQuery ยังคงไม่แข็งแรงพอที่จะถูกเลือกมาใช้งาน ในวันนั้น Prototype จึงถูกเลือกมาใช้งานเป็น JavaScript framework หลัก และยังคงถูกใช้งานเป็นหลักใน Magento 1 จนวันนี้ Magento 2.0 ได้ก้าวออกมาและได้ใช้ jQuery เป็นตัวหลักแทน (เย้ เย้ เย้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ)

magento

Magento 2.0 Roadmap

การที่ Magento มี roadmap ที่ชัดเจน มีผลให้การ implement ระบบ eCommerce ทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะในยุค digital ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆค่อนข้างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตัวผู้ค้าเองก็ต้องมีการวางแผนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หัวข้อหลักๆที่น่าสนใจ

  • Elasticsearch support
  • Content staging
  • B2B specific enhancements
  • Personalization capabilities
  • Enhanced analytics capabilities
  • and much, much more.

Magento 2.0 อยู่บน github แล้วนะครับ

https://github.com/magento/magento2

Magento Enterprise Edition 2.0 Pricing Model

อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดของ Pricing Model ตรงนี้ได้ แต่คงกล่าวได้ว่า Magento Enterprise Edition 2.0 มีการเปลี่ยน Pricing Model จากเดิม (per instance) โดยราคา license จะเปลี่ยนไปโดยอิงกับยอดขายสินค้าเป็นหลัก4 ร้านค้าที่ยอดขายน้อย ค่า license อาจจะถูกกว่าร้านค้าที่มียอดขายมาก ราคาดังกล่าวสามารถแข่งกับ Enterprise eCommerce Platform อื่นๆได้อย่างแน่นอน หากท่านมีความสนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย5

stream magento

0 0 Continue Reading →

มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น

มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น

ว่าด้วยเรื่องของการทำ Acceptance Testing หรือการทดสอบการทำงานของระบบที่สร้างขึ้น ให้ง่ายและรวดเร็วด้วยการทำ Automate Testing นั้น Framework ที่น่าสนใจตัวหนึ่งคือ Robot Framework

Robot Framework คือซอฟต์แวร์ Open Source ที่ สำหรับการทำ Acceptance Testing และ ATDD (Acceptance Test-Driven Development) โดยมีรูปแบบ Syntax ที่เป็นภาษาเขียนธรรมดาทำให้การ Test ระบบไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

 

สิ่งที่จะต้องใช้ในการติดตั้ง Robot Framework

  • Python Version 2.xx
  • Pip
  • Subline Text Version 2 หรือ 3
  • Web Browser : Firefox
  • อินเตอร์เน็ต

 

  • การใช้งาน

ก่อนอื่นต้องทำการติดตั้ง Selenium WebDriver กันก่อน ซึ่ง Robot Framework มี Library ที่เป็น Standard มาให้อยู่แล้ว ชื่อว่า Selenium2Library ด้วยคำสั่ง

$pip install robotframework-selenium2library

โครงสร้างหลักใน Robot Framework

 

Screen Shot 2559-02-17 at 2.02.25 PM

1.1 Settings ในส่วนนี้จะเป็นการกำหนด Library ที่เราต้องการจะหยิบ Keyword ใน Library ไหนมาใช้งาน ซึ่ง Library เปรียบเสมือน Dictionary ที่รวมเอา Keyword ทั้งหมดที่จะนำไปเขียนคำสั่ง Test แบ่งเป็น Library Standard, External และ Other

 

Screen Shot 2559-02-17 at 2.03.17 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.03.50 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.04.22 PM

การกำหนด Library ที่จะใช้ ในที่นี้เลือกใช้ Standard Library

รูปแบบคำสั่ง

         Library           <<Library Name>>

         ตัวอย่าง

                  Library                Selenium2Library

Screen Shot 2559-02-17 at 2.05.12 PM

1.2 Keyword ในส่วนนี้จะใช้ในกรณีที่เราต้องการที่จะสร้าง Keyword ของเราขึ้นมาใช้งานเอง ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะในไฟล์นี้เท่านั้น ซึ่งใน Keyword เราอาจจะสร้างชุดคำสั่งย่อย ๆ ขึ้นมาอีก

Screen Shot 2559-02-17 at 2.06.04 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.06.35 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.07.19 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.07.43 PM

1.4 Test Cases คือส่วนของการเขียน Test Cases และการนำ Keyword มาเขียนเป็นชุดคำสั่งในส่วนนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญในส่วนนี้คือ ชื่อ Test Cases เพราะไม่มีการตั้งชื่อให้กับ Test Cases ก็จะไม่สามารถ Run คำสั่งทั้งหมดในไฟล์นี้ได้

Screen Shot 2559-02-17 at 2.08.17 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.08.54 PM

 

โครงสร้างที่สำคัญในการ Run Test Case คือ Setting และ Test Cases ซึ่งในการสร้างไฟล์สำหรับ Test ด้วย Robot ทุกครั้ง จะต้องมี 2 ส่วนนี้ มิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถทำงานได้ ส่วน Keywords กับ Variables อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้

Keyword อื่น ๆ ของ Selenium2Library

เมื่อสร้างชุดคำสั่งตาม Stucture ดังภาพที่ 6 เรียบร้อยแล้วสร้างโฟลเดอร์ชื่อ Robot ไว้ในไดร์ฟ D: (หรือจะ Save ไว้ในไดร์ฟอื่นก็ได้) แล้วทำการ Save ไฟล์ Test.txt ไว้ในโฟล์เดอร์

Screen Shot 2559-02-17 at 2.09.33 PM

จากนั้นสั่ง Run ไฟล์ผ่าน Sublime ได้เลย โดยกดคีย์ Ctrl+B

Screen Shot 2559-02-17 at 2.10.08 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.11.10 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.11.55 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.12.46 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.13.28 PM

  • สรุปข้อดีของการทำ Automate Testing ด้วย Robot Framework
  1. ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะมีโครงสร้างการทำงานที่ไม่ซับซ้อน
  2. Keyword ที่ใช้ เป็นภาษาเขียน ที่เราใช้กันอยู่แล้ว
  3. สามารถ Test ระบบได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา

 

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Thasanee Kudcharoen
Quality Assurance

 

0 13 Continue Reading →

Line Pay with Magento

Line Pay with Magento

Line Pay เป็นเเพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือที่ผูกกับบัตรเครดิต/เดบิต ใช้ชำระสินค้าแทนกระเป๋าเงิน ซึ่งสะดวกและปลอดภัยเพราะ Line Pay มีระบบ OTP และ Touch ID ในการยืนยันตัวตน

เเบ่งประเภทเป็น 2 ประเภท คือ ลูกค้า กับ ร้านค้า

 

1.วิธีการสมัครLine Pay ของลูกค้า

  • ลงทะเบียน Line pay via Line App

Screen Shot 2559-01-31 at 10.06.19 AM

  • เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิต หลังจากกรอกแล้วครั้งต่อไปที่มีการชำระเงินก็ไม่ต้องใส่ข้อมูลบัตรทุกครั้ง บัตรที่สามารถใช้ได้ คือ VISA MASTER JCB เท่านั้น และสามารถใส่ข้อมูลบัตรได้ถึง3 ใบ ใน 1 account

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.10 AM

  • การชำระเงิน จะใช้บัตรเดบิต/เครดิต หรือการเติมเงินใส่Line pay ในการซื้อสินค้าหรือบริการกับร้านค้าที่ร่วมรายการ

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.45 AM

2.วิธีการเชื่อมต่อLine Payเข้ากับ Magentoหรือเข้ากับเว็บไซต์ร้านค้า

1.สมัครLine Pay ก่อนตามลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_TH

1.1 คลิ๊กลงทะเบียน กรอกข้อมูลสมัครและส่งเอกสารให้เรียบร้อย

Screen Shot 2559-01-31 at 10.08.33 AM

Screen Shot 2559-01-31 at 10.09.16 AM

2.เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย จะได้ username และ password มา

คลิ๊ก Mypage ในลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_THแล้วจะมีให้Login

Screen Shot 2559-01-31 at 10.13.45 AM

3.เมื่อLogin เข้ามาแล้วจะเห็นเป็นหน้าจอแบบนี้ คลิ๊ก Manage Payment Server IP แล้วก็กรอกไอพีสำหรับจัดการPayment server

Screen Shot 2559-01-31 at 10.14.35 AM

4.คลิ๊กเลือก Manage Link Key แล้วใส่รหัสที่ได้รับจากLine Payที่ส่งเข้ามาในemail

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.12 AM

5.หลังจากใส่รหัสผ่านเสร็จก็จะเห็นChannel ID and Channel secret Key เก็บรหัสตรงนี้ไว้ จะได้รหัสมา2ชุด เป็น sandbox mode และ real modeจะนำรหัสตรงนี้ไปใส่ใน payment method

การติดตั้งLine Pay

1.ไปที่admin panel System -> Magento Connect -> Magento Connect Manager

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.44 AM

2.คลิ๊ก Plugin Download จาก https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

เลือกไฟล์ magento_0.7.0.tgz แล้วคลิก “Upload”

Screen Shot 2559-01-31 at 10.16.38 AM

3. คลิ๊กอัพโหลดจะแสดงหน้าจอด้านล่าง

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.17 AM

4. พอติดตั้งเสร็จแล้วไปที่admin panel -> system -> configuration ->Payment Method -> Line Pay แล้วเริ่มการใช้ enabled เป็น Yes กรอก Channel Info และ Development ที่ได้มาถ้าต้องการTest การชำระเงินให้เปิดโหมดsandbox เป็น yes

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.41 AM

5. หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยเราก็สามารถที่จะเลือกช่องทางการชำระเงินเป็นLine Pay ได้ทางหน้าเว็บไซต์ของร้านค้าของMagento

Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.16 AM Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.25 AM

  • Login การชำระเงิน หรือใช้Smartphone scan QR code เพื่อชำระเงินสินค้า
  • ในกรณีเลือกการScan QR Code ลูกค้ายืนยันการซื้อด้วยLine Pay

 

 

  • พอชำระเงินเสร็จเรียบร้อยด้านหน้าเว็บไซต้ของร้านค้าก็จะเเสดงหน้าจอแบบนี้ขึ้นมา

Reference:http://www.click-end.com/wp/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A/#prettyPhoto

http://line.me/th/pay

https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

 

 

Kanyarat Povorasin

เรียบเรียงโดย

กัญญารัตน์ โพธิ์วรสิน

Kanyarat Povorasin

Magento Certified Developer Plus

https://www.magentocommerce.com/certification/directory/dev/2133171/

 

0 0 Continue Reading →

มารู้จัก Social Commerce & Magento

Social Commerce & Magento

บทความโดย Stream Magento Team 18 มกราคม 2559
Stream I.T. พาร์ทเนอร์อันดับ 1 ของ Magento ในไทย ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจาก Magento

Screen Shot 2559-02-01 at 9.43.32 AM

วันนี้ทางทีม Stream Magento เราขอนำเสนอ ในหัวข้อ Social Commerce & Magento

นั้นจะกล่าวถึงความสำคัญของ Social Commerce และตัวอย่างการใช้ Magento เป็น Solution ในการทำ Social Commerce

 

Overview
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ อินเตอร์เน็ทมีความเร็วที่สูงขึ้น เข้าถึงได้หลากหลายอุปกรณ์ น่าเชื่อถือขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าสามารถเผยแพร่ช่องทางการขายไปยังทุกที่ทั่วโลกได้ง่าย ผ่านการโฆษณาสินค้าและเว็บไซท์ลักษณะ e-commerce ที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น Amazon, e-bay,lazada,alibaba,kaidee อื่นๆอีกมากมาย หรือไม่ผู้ประกอบการต่างๆ ก็อาจจะมีเว็บไซท์ลักษณะ e-commerce เป็นของตัวเอง โดยใช้ cms ที่ใช้สำหรับสร้างเว็บไซต์สำหรับการขายของโดยเฉพาะ ซึ่งมีอยู่หลากหลาย  การทำธุรกรรมทางพาณิชย์ผ่าน e-commerce

 

นั้นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการพัฒนารูปแบบการค้าแบบใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีและเร็ว กว่ารูปแบบการค้าเดิมที่มักจะต้องผ่าน คนกลาง ประกอบกับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคนี้ เป็นยุคอยู่ทั้งในโลกความจริงและโลกออนไลน์ กิจกรรมในโลกออนไลน์ นั้นสามารถสร้างความหลากหลายในการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนได้ เช่น การเช็คอินตามสถานที่ ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ,ใส่ข้อความลงไปได้ว่าเราทำอะไรอยู่ , การไปกด like บน facebook , การให้คะแนนเรทของสินค้า หรือให้คำวิจารณ์, โฆษณาสินค้าจาก Youtube หรือแม้กระทั้ง ประกาศขายสินค้าและบริการผ่านทาง instagram เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Social Media ทำให้มีการซื้อขายสินค้าและบริการที่หลากหลายชนิดมากขึ้น การสื่อสารดิจิตอลแบบใหม่นี้ ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคิดพฤติกรรมของผู้บริโภครวมถึงการซื้อขาย จาก E-Commerce แบบเดิมๆ มาเป็น E-Commerce ผ่านเครือข่าย Social Media และสื่อออนไลน์อื่นๆ แทนซึ่งมีความหลากหลายยิ่งขึ้น แสดงถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ผู้ประกอบการใช้ Social Media ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อช่วยให้เกิดการซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต สิ่งนี้เรียกว่า Social Commerce

หรือสรุปสั้นๆได้ว่า Social Commerce คือ Social Media ในมุมมองที่เกี่ยวข้องกับ E-Commerce หรือการทำธุรกิจโดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Social Activity บนโลกออนไลน์นั่นเองครับ

Screen Shot 2559-02-01 at 9.46.05 AMScreen Shot 2559-02-01 at 9.47.06 AM

Social Commerce มีดีอะไร ?

 

Social Commerce เป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ต่างกับเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ที่ต้องใช้เวลานาน กว่าจะมีผู้ใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เป็นการผสาน E-Commerce และ Social Media รวมเป็นคุณสมบัติ 6C (Social Innovation conference – Bankinter Foundation .,2012) มีดังต่อไปนี้

1.เนื้อหา – Content     ส่วนสำคัญที่สุด ผู้ประกอบการมีรายละเอียดสินค้าบนเว็บไซต์ของตนและปรับปรุงให้ทันสมัย และลูกค้าสามารถใช้ Search Engine ค้นหาข้อมูลสินค้าและข้อมูลด้านอื่นของสินค้านั้นได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น สื่อโฆษณาใน Youtube และ รีวิวความคิดเห็นจากลูกค้ารายอื่น การให้คะแนนจากลูกค้าที่เคยใช้สินค้า ข้อมูลที่ลูกค้าตรวจสอบจากการใช้สินค้าผ่านบทวิจารณ์สินค้า หรือ Comment เกี่ยวกับสินค้าใน Social Media ต่างๆ

3.การพาณิชย์ – Commerce       รูปแบบพาณิชย์ของ Social Media สามารถสนองตอบความต้องการทุกรูปแบบของลูกค้าได้ รับรองประเภทสินค้าและบริการได้มากชนิดขึ้น มีตั้งแต่ระดับเล็กๆจนถึงระดับใหญ่ และการติดต่อได้หลากหลายช่องทางมากกว่าเดิม   รูปแบบพาณิชย์ใหม่ๆ มีตั้งแต่ การรับดูดวงผ่าน Skype ประกาศขายสินค้าทาง Instagram , Facebook Shop ,รับออร์เดอร์สินค้าแบบขายส่งผ่าน Line อื่นๆอีกมากมาย

2.บริบท      –Context   Social Commerce อยู่บนพื้นฐาน E-Commerce นั้นมีสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องประสานการทำงานกับระบบ ระบบขนส่ง ระบบการชำระเงิน หรือระบบอื่นๆ ซึ่งระบบเหล่านี้มีให้บริการออนไลน์ ให้ใช้งานอยู่หลากหลาย เช่น ธนาคารออนไลน์ , Track And Trace : Thailand Post การติดตามการขนส่งไปรษณีย์ไทย, Paypal ระบบการชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น อีกทั้ง สามารถเข้าถึงข้อมูลด้วย อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มาพร้อมกับแอพพลิเคชันที่รองรับการใช้งานในหลากหลายฟังก์ชัน สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้เป็นอย่างมาก โลกออนไลน์สามารถผสานกับโลกความจริงได้สร้างความสะดวกสบายทั้งแก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

  1. การเชื่อมต่อ–Connection Social Media สร้างเครือข่ายออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่มีข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้อาจมาจากระบบสังคมปกติหรือสร้างใหม่จากเครือข่ายออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งในระดับเดียวกัน สังคมเดียวกันและอย่างไม่เป็นทางการ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือการเชื่อมต่อกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดของ Social Commerce
  2. ชุมชน – Community เมือมีการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ก็เกิดเป็นสังคมขึ้น Social Media สามารถสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้ใช้บริการ ที่มีความสนใจคล้ายๆกัน ก่อให้เกิดเป็นชุมชนต่างๆ พื้นที่โลกออนไลน์ที่ทุกคนสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ยกตัวอย่าง เช่น Wongnai เป็นชุมชนในการรีวิวร้านอาหารทั่วกรุงเทพและปริมณฑล Facebook Fan Page ร้านต่างๆ หรือแม้กระทั้ง Pantip เว็บบอร์ด ชื่อดังของไทย เป็นต้น

6.การสนทนา–Conversation     การพูดคุยหรือการสนทนา เป็นสิ่งที่สำคัญในงานขายและการตลาด ซึ่ง Social Commerce ผู้ขายหรือผู้ซื้อสามารถเชื่อมโยงการขายสินค้าและบริการ หรือการสอบถามข้อมูล ของตนไปในรูปแบบการแชทหรือสนทนาออนไลน์ ผ่าน Social Media แบบต่างได้ เช่น การแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและบริการของของตนในระหว่างการสนทนาออนไลน์ที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้บริการอยู่ หรือแม้กระทั่งการคอมเมนท์โพสต์สินค้าของลูกค้าเอง

ตัวอย่าง Social Commerce ที่นำมาใช้จริง โดย Magento

หลังจากที่พูดถึงทฤษฎีมายาวเยียด ก็เพราะอยากให้ผู้อ่านได้เห็นที่มาและความสำคัญ การนำความคิด Social Commerce มาใช้จริงนั้นมีอยู่มากมายหลายวิธีหลายกลยุทธ ดังนั้นทีม Stream Magento ของนำเสนอ สิ่งที่ทีมเราถนัดที่สุดคือ Magento เริ่มกันเลยครับ

เริ่มที่ F-Commerce หรือ Facebook-Commerce เราที่สามารถสร้างธุรกิจบน Platform Facebook ได้ โดยไม่ต้องเสียโอกาสเมื่อลูกค้าดูข้อมูลจาก Facebook Page แล้วก็สามารถตัดสินใจซื้อของได้จากที่นี่เลย หรือเรียกว่า Facebook Shop จะเป็นแบบระบบการซื้อขายขนาดย่อมๆบน Facebook เพราะการที่ต้องให้ลูกค้าคอยออกไปเปิดหน้าเว็บไซด์เราเองเพื่อทำการซื้อของ นั้นอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการขายไปได้อย่างไม่รู้ตัว
Facebook-Commerce สามารถใช้ Magento ทำเป็นเว็บไซต์หลักแล้วเชื่อมต่อข้อมูลมาที่ Facebook โดยมี ส่วนเสริมที่จะช่วยในการเชื่อมต่อ(Extension)ได้อย่างง่ายดาย สินค้าต่างๆที่อยู่ในร้านของเรา สามารถแชร์ แสดงความคิดเห็น กดไลค์ ได้เป็นแต่ละรายสินค้าด้วย

 

Screen Shot 2559-02-01 at 9.48.53 AM

ตัวอย่างตัวเว็บไซต์หลักที่ สร้างโดย Magento

Screen Shot 2559-02-01 at 9.50.11 AM

Facebook Page ที่ เชื่อมต่อกับ Magento แล้ว

Screen Shot 2559-02-01 at 9.56.45 AM

สามารถเลือกสินค้าลงตระกร้าได้ที่ Facebook Page

Screen Shot 2559-02-01 at 9.59.04 AM

สามารถ Checkout รายการสินค้าได้เลย

Screen Shot 2559-02-01 at 10.03.45 AM

LINE PAY e-Commerce Platform LINE ผู้นำ Social Media แพลตฟอร์มบนมือถือได้ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ “ไลน์ เพย์ (LINE Pay)” แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ LINE ได้ “ช้อปง่าย จ่ายสนุก” ในการชำระเงินซื้อสินค้า รวดเร็วและปลอดภัย ผู้ใช้จะสามารถเติมเงินเข้าบัญชีไลน์ เพย์ (LINE Pay) เพื่อชำระเงินและส่งโอนเงินไปยังผู้ใช้ LINE Pay ท่านอื่นผ่านการส่งข้อความได้ ส่งคำขอ แชร์เงินหรือใช้การชำระแบบร่วมกันหลายๆคนได้ ซึ่งนับเป็นการทำธุรกรรมบนมือถือรูปแบบใหม่ในอนาคต
LINE PAY ยังสนับสนุนการ เชื่อมต่อกับ ร้านค้าที่ใช้แพลตฟอร์ม Magento สามารถทำการติดตั้ง ผ่าน Extension ได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อเว็บ

Screen Shot 2559-02-01 at 10.04.21 AM

ตัวอย่างการ โอนเงิน/ ส่งคำขอ/ แชร์เงิน

เมื่อ LINE PAY ได้ถูกติดตั้งลงใน Magento แล้ว ลูกค้าสามารถ ชำระเงิน ยกเลิกการชำระเงิน และรับคืนเงินที่ออกโดยผู้ดูแลระบบได้ LINE PAY รองรับการใช้งาน Magento ทั้งการจากการเชื่อมต่อผ่านเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

Screen Shot 2559-02-01 at 10.05.01 AM

Screen Shot 2559-02-01 at 10.05.43 AM

ตัวอย่างการสั่งซื้อและการชำระเงินผ่าน LINE PAY เมื่อเชื่อต่อกับ Magento ผ่านเว็บไซต์

Screen Shot 2559-02-01 at 10.09.49 AM

ตัวอย่างการสั่งซื้อและการชำระเงินผ่าน LINE PAY เมื่อเชื่อต่อกับ Magento ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่

Screen Shot 2559-02-01 at 10.10.57 AM

Group-Buying คือ Social Commerce แบบหนึ่ง ที่เสนอขายโปรโมชั่น หรือคูปองลดราคา โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องมีผู้ซื้อโปรโมชั่นนั้น มากกว่าจำนวนขั้นต่ำขึ้นไป โปรโมชั่นนั้นจึงจะใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น โปรโมช่ั่นร้านอาหาร ต้องมีผู้ซื้อมากกว่า 100 คนขึ้นไป ถ้ามีจำนวนคนซื้อไม่ถึง ถือว่าโปรโมชั่นนั้นยกเลิก โดยทั้งนี้อาจจะมีการจำกัดจำนวนคูปองไว้ด้วย ตัวอย่างของแนวคิดนี้คือ Grouponใน กรณีของ Magento เอง ก็มี ส่วนเสริมในการทำ Group-Buying อยู่หลายตัวครับ

Screen Shot 2559-02-01 at 10.11.34 AM

ตัวอย่าง หน้าการตั้งค่า Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Group-Buying

Screen Shot 2559-02-01 at 10.12.21 AM

ตัวอย่าง หน้าแรก Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Group-Buying

Flash Sale คือเว็บที่เสนอขายสินค้าราคาลดแบบสุดๆ เฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ตัวอย่างของ Flash Sales เช่น www.jetsetter.com จำหน่ายโปรแกรมท่องเที่ยว หรือห้องพักโรงแรมต่างๆ อีกตัวอย่างคือ Amazon Lightening Deals ซึ่งจะมีสินค้าหลากหลายอย่าง มาลดราคาสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวัน โดยจะจำกัดจำนวนสินค้า และจำกัดเวลาไว้ (ประมาณ 3-4 ชม) นอกจากนี้ผู้สนใจยังสามารถติดตาม ส่วนลดใหม่ๆ ของ Amazon ผ่านทาง Twitter @amazondeals ได้อีกด้วย Magento เอง ส่วนเสริมในการทำ อีกแล้วครับผม

 

Screen Shot 2559-02-01 at 10.13.01 AM

ตัวอย่าง หน้าการตั้งค่า Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Flash Sale

Screen Shot 2559-02-01 at 10.13.35 AM

ตัวอย่าง เว็บไซต์ที่ทำ Flash Sale

อ้างอิง
อุราเพ็ญ ยิ้มประเสริฐ .(2556),S-COMMERCE: อนาคตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ บนเครือข่ายสังคมออนไลน์,ออนไลน์
ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ ,Social Commerce กลยุทธ์ใหม่ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์,ออนไลน์
E-Commerce ถอยไป Social Commerce มาแล้ว http://www.positioningmag.com/content/social-commerce-กระแสใหม่แห่งโลก-ecommerce

 

เรียบเรียงโดย

ธนกฤต พรหมศิริ

Thanakrit Promsiri

Magento Certified Developer Plus

https://www.magentocommerce.com/certification/directory/dev/1960817/

0 0 Continue Reading →

มุ่งสู่ Digital Marketing Excellence…

แผนภุมิ Digital Marketing Excellence ..เรียนรู้จากบริษัทที่ปรึกษา Smart Insights เดินตามแผนนี้เพื่อแผนการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

Capability Framework คงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเราที่เคยทำกระบวนการการปรับปรุงคุณภาพมาแล้วนะคะ แต่ว่าคราวนี้ นำมาใช้กับนักตลาดยุคใหม่ เพื่อต่อยอดแผน Digital Marketing เพื่อมุ่งเน้นคุณภาพ ด้วยการตั้ง KPIs หรือตัวชี้วัดผลงานจาก Volume-based มาเป็น Value-based จนกระทั่งถึง Lifetime-value ในที่สุด

รวมถึงการ engage กลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆ จาก Integrated web, mobile, email and social media ไปสู่ Full contextual personalized experiences and recommendations

ซึ่งการจะไปสู่จุดนี้ได้ก็ต้องอาศัย Big Data Analytics ล่ะค่ะ ในการนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์ และแปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่ดีเลิศแก่ลูกค้าของเรา ผ่านช่องทางต่างๆ

Smart Insights Digital Excellence capability framework will help you review how effectively your digital marketing is managed across seven key areas:

  • A. Your Strategic approach
  • B. Evaluation and performance improvement process
  • C. Management buy-in to investment in digital marketing
  • D. Resourcing and structure for digital including integration
  • E. Data and infrastructure or platforms
  • F. Integrated customer communications across Paid-Owned-Earned media
  • G. Integrated customer experiences across desktop and mobile devices

 

Digital Marketing Capabilities Model - Smart Insights

 

 

Source: Smartinsights.com – Digital Transformation

 

 

0 0 Continue Reading →

หัวใจ 3 ข้อของ Digital Transformation…

เรามาถูกทางหรือยังกับ Digital Transformation? 

เชื่อว่าคุณคงได้เริ่มต้นเดินทางในเส้นทางสายนี้มาแล้ว ทีนี้มาลองเช็คดูว่าเรามองภาพครบหรือยัง?

ห้วใจ 3 ข้อใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลคือ:

1. วิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ

2. การมุ่งเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าในมิติดิจิทัล

3. การมีทีม Digital Transformation ที่แข็งแกร่ง เข้าใจทิศทาง

ในความเห็นส่วนตัว ข้อ 1 และข้อ 2 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้น เราคงต้องศึกษาข้อมูลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจเราหรือที่ใกล้เคียงกับเรา เพื่อให้ความคิดเราตกผลึก ว่าการคิดใหม่ทำใหม่จะทำได้อย่างไร เทคโนโลยีที่มีรอบตัวเรานั้น จะมาช่วยสร้างให้เรา connect โดยตรงกับลูกค้าเราทั้ง B2B (คู่ค้า) และ B2C (ผู้บริโภค) ได้อย่างไร?

สำหรับลูกค้าแล้ว เราต้องใส่ใจ Customer experience ในทุกขั้นตอนของ Lifecycle และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อที่จะนำมาปรับปรุงบุคคลากร กระบวนการทำงาน และเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย และเพื่อให้เส้นทางดิจิทัลของลูกค้าเราราบรื่นและมีประสิทธิภาพที่สุด

จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือทีม Transformation และการบริหารการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรแล้วล่ะค่ะ

The Three Elements of Digital Transformation - Altimeter Group
Element #1: Vision and Leadership. Digital transformation is an emergent movement and not yet recognized as a formal priority or effort by most businesses. This requires those leading or attempting to get a digital transformation program in motion to make the business case. But, the business case needs more than evidence or anecdotes; it needs a story and a vision for what it looks like and what it delivers.

Digital Customer Experience - Altimeter Group
Element #2: Digital Customer Experience. Digital customer experience begins with research, not guesswork, to study personas, behaviors, and expectations throughout every stage of the customer lifecycle. Once armed with information, digital transformation takes shape by specifically aligning people, processes, and technologies against goals and milestones to map a new and effective journey for digital customers.

Digital Transformation Checklist - Altimeter Group
Element #3: The Digital Transformation Team. In many cases, we learned that organizations form special teams to bring people together to start talking and put change into motion. These teams go by many names: digital circles, Centers of Excellence (CoE), rapid innovation teams, digital acceleration teams, and more.

Source: Altimeter Group

0 0 Continue Reading →

เตรียมความพร้อม Digital Transformation [อินโฟกราฟฟิก]

พฤติกรรมมนุษย์เราได้เปลี่ยนไปแล้ว… เทคโนโลยีนับวันจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น จนโลกของเราจะเข้าสู่ยุค Digital First อย่างชัดเจนแล้ว จากนี้ไป คำว่า Digital Transformation ก็จะอยู่กับพวกเราไปอีกนานแน่นอน

เชื่อว่าเรื่องนี้ คุณผู้อ่านคงได้รับรู้กันแล้ว…

นอกจากนี้แล้ว เรายังมองเห็นหลากหลายธุรกิจเตรียมความพร้อมด้าน Digital เช่นกัน โดยเกาะกระแส Cloud, Mobile, Big Data และ Social ใครไม่ไปก็ตกเทรนด์ จนถึงขั้นธุรกิจมีแนวโน้มจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดหรืออาจจะถึงกับสูญพันธุ์ไปเลยก็ได้

จากผลวิจัย 52% ของธุรกิจบริษัทฯชั้นนำในกลุ่มจัดอันดับ Fortune 500 ก็ได้รับผลกระทบไปแล้ว ไม่มีใครรอดพ้นจากกระแสนี้ได้

แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ก็ยังมีโอกาสเสมอ ..ขึ้นอยู่ว่าเราจะเตรียมความพร้อมอย่างไร?

ตามอินโฟกราฟฟิกนี้ เราสามารถเตรียมแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ โดยติดตามสถานการณ์และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสม โดยวิเคราะห์ตามแผนภูมินี้ค่ะ:

Digital Transformation, Part 1: Rapid State of Change ..การเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เราคิด

Digital Transformation, Part 2: What makes it disruptive? ..ทำไมจึงต้องเปลี่ยนแปลง?

Digital Transformation, Part 3: The Building Blocks ..จิ๊กซอว์โลกดิจิทัล Cloud. Mobile. Social. Big Data.

Digital Transformation, Part 4: The Role of Leadership ..บทบาทสำคัญของ CEO และ CTO

Digital Transformation, Part 5: Transformation by Industry ..เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทีละอุตสาหกรรม จนครอบคลุมไปทั่ว

Digital Transformation, Part 6: Examples of digital transformation done right ..กรณีศึกษา

 

Digital Transformation Infographic - ZDNet

 

แถมท้ายด้วย What’s Next จะมีอะไรตามมาอีก จะได้เตรียมตัวกันแต่เนิ่นๆนะคะ ^ ^

บทบาทสำคัญคงไม่หนีบทบาทของผู้นำ… ในการมองหาโอกาสท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และอาจต้องมองหาบุคคลากร หรือพันธมิตรที่เหมาะสมมาเสริมทัพด้วย เพื่อเสริมศักยภาพ และเติมเต็มส่วนที่องค์กรเราขาดได้ทันท่วงที

…คุณพร้อมหรือยังคะ กับ Digital Transformation?

 

Source: ZDNet

Photo Credit: SAP

0 0 Continue Reading →

ผู้ขับรถ uberX ต้องจ่าย Uber เท่าไหร่?

เมื่อตอนเริ่มต้นในปี 2012 Uber คิดค่าธรรมเนียม 20% จากค่าโดยสาร หรือ 1 ใน 5… แต่ขณะนี้ สำหรับผู้ขับรถ uberX ในบางเมือง ทาง Uber เริ่มทดลองเพิ่มค่าธรรมเนียมเป็น 25-30% แล้วค่ะ

 

uberX

 

ผู้ขับรถหน้าใหม่แทบไม่ทราบด้วยซ้ำว่า Uber คิดค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ และบางท่านยังคิดว่าเป็น 20% อยู่เลย เพราะไม่ได้ค้นคว้าจากข้อมูลล่าสุดของแต่ละเมือง

แต่แม้มีการขึ้นค่าธรรมเนียม Uber ก็ยังระบุว่ามีผู้ขับรถเข้าร่วมโครงการมากขึ้นตลอดเวลา Uber เคยยกตัวอย่าง เช่น นักศึกษาที่เรียนจบมหาวิทยาลัย แล้วยังหางานไม่ได้ ก็อาศัยได้งานขับรถ Uber นี่แหละช่วยประทังค่าใช้จ่ายประจำวันไปได้ บางท่านก็เป็นผู้ที่เกษียณแล้ว แต่หารายได้เสริม บางท่านก็มีกิจการเล็กๆของตัวเอง และขับรถ Uber ในวันที่ว่าง ก็เพื่อหารายได้เสริมเช่นกัน

แต่แน่นอน กระแสต้านจากผู้ขับรถแท็กซี่ก็ยังแรงอยู่ในทุกเมือง ล่าสุด รัฐแคลิฟอร์เนียได้ตัดสินแล้วว่าผู้ขับรถถือเป็น “ลูกจ้าง” ซึ่งภาระของ “ผู้ว่าจ้าง” ต้องสูงขึ้นแน่ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ Uber ต้องขึ้นค่าธรรมเนียมในบางรัฐในอเมริกา

 

uberTAXI

ในอีกด้าน เดี๋ยวนี Uber ก็มีการร่วมมือกับค่ายแท็กซี่บ้างแล้ว และสามารถเลือกได้ระหว่างรถ uberX หรือ uberTAXI ส่วน UberBLACK นั้นไม่ต้องพูดถึง ราคาแพงกว่าเยอะ ประมาณเทียบเท่ารถลีมูซีนบ้านเรา ซึ่งจุดนี้ ผู้เขียนคิดว่าดี เพราะสร้างความชัดเจนแก่ผู้บริโภค เพราะเคยเจอมากับตัวว่าเลือก uberX แต่ได้มาเป็นรถแท็กซี่ การแบ่งชัดเจนแบบนี้ ผู้บริโภคสามารถมีทางเลือกที่ตนเองสะดวก และในอีกด้านหนึ่ง ทั้งผู้ขับอิสระ และค่ายแท็กซี่ก็ไม่ต้องมาแย่งผู้โดยสารกันแบบที่ผ่านมา

…มีเรื่องขำๆเล่าให้ฟังคือ ปกติลูกค้าจะใจร้อนพอ Uber มาช้า แต่เห็นแท็กซี่มาก่อน ก็กระโดดขึ้นเลย และคงหาทางกด cancel ที่จอง Uber ไป ทริปล่าสุดที่ผู้เขียนไปอเมริกา ก็เจอแท็กซี่ที่รับจองจาก Uber รีบโทรแจ้งศูนย์ขออนุญาตทิ้งผู้โดยสารที่จองมา เพราะหาตัวไม่เจอ และขอรับเราลูกค้าตัวเป็นๆที่อยู่ตรงหน้าเลย ไปไกลเงินดีเสียด้วย เหรียญทุกอย่างมีสองด้านค่ะ -*-

และที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่บ้างก็คือความปลอดภัยของผู้ใช้บริการรวมถึงตัวผู้ขับรถเอง ซึ่งแม้มีการสอบทานประวัติและประกัน แต่ผู้ใช้บริการหลายท่านก็ยังไม่วางใจนัก

ตอนนี้เห็นว่ามีคู่แข่งเกิดจากค่ายใหญ่ในจีนแล้ว และในเอเชียเราก็มี Grab Taxi มาลองติดตามวิวัฒนาการของ Uber และ Sharing economy อื่นๆ เช่น AirBnB กันต่อไปได้ที่นี่ – Stream Blog – ค่ะ

[excerpt]

Since it launched in 2012, Uber’s popular, low-cost service UberX has always had a 20% commission, where Uber takes a one-fifth of the fare (or, in Uber’s parlance, drivers pay a 20% fee to license the technology).

But last year, Uber started testing whether it could charge drivers more for the same thing. Any drivers in San Francisco who signed up after September 2, 2014 had to fork over 25% of their pay to Uber instead. Then in May, Uber put a small group of new San Francisco and San Diego drivers in a pilot program with commissions that went up to 30%.

Rising commissions aren’t an experiment anymore. In the last few months, Uber has quietly bumped up commissions from 20% to 25% for new drivers in five cities. New York City drivers who joined as of April will pay 25%, as well as drivers in Toronto, Indianapolis, Boston  and Worcester, Mass., who joined as of August, the company confirmed.

San Francisco drivers who joined in the last year still pay a 25% commission. An Uber spokeswoman declined to say whether the 30% commission pilot program has spread to more drivers or markets.

Source: Forbes Tech

 

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save