Skip to Content

Blog Archives

ยอดขายรองเท้าของ Nike.com เพิ่มขึ้น 51% ผ่าน E-commerce

ผู้ผลิตรองเท้าชื่อดัง ไนกี้ แสดงยอดขายจากการขายผ่าน E-Commerce ใน 40 ตลาดทั่วโลก และกล่าวว่าได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นผ่านช่องทาง เว็บไซต์ และ App มือถือ ซี่งยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% สำหรับเครื่องแต่งกายกีฬาและผลิตรองเท้าไนกี้อิงค์ (Nike Inc.)

ในปี 2015 ที่ผ่านมาไนกี้ประกาศว่าสามารถทำยอดขายได้ประมาณ  1.51 $ พันล้าน ซึ่ง 4.7% เป็นยอดขายที่ได้ผ่านทางเว็บไซต์ เพิ่มขึ้น 3.3% ในปีก่อน

nike1

จากกราฟจะเห็นได้ว่า รายได้จากการขายบน E-Commerce ตั้งแต่ปี 2012 ประมาณ 409 $ ล้านเหรียญ และเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในปี 2016

ทางไนกี้คาดว่ายอดขาย E-Commerce จะเติบโตถึง 7 $ พันล้านเหรียญ ในปี 2020 และได้มีความคิดริเริ่มที่จะมีแอปพลิเคชั่นบนมือถือ App และปรับปรุงแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงมีการแชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่าน device ทำให้ลูกค้าสามารถใช้ device ต่างๆ โดยดูข้อมูลได้อันเดียวกัน อีกทั้งไนกี้มีโปรแกรมสะสมแต้มเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำด้วย

ผู้บริหารไนกี้กล่าวว่า กลยุทธ์ต่อไปที่ใช้ คือ Omni channel  โดยที่จะเชื่อมต่อข้อมูลสินค้าแต่ละร้านค้าเข้ากับระบบ E-Commerce ซึ่งกลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่ยอดขาย  20 $ ล้านเหรียญในปี 2020 ซึ่งหากต้องการให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ไนกี้ต้องมียอดขายโต 46.7% ต่อปี ในอีกช่วง 4 ปีถัดจากนี้

สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2016 ไนกี้รายงานว่า 

  • ยอดขายรวม 38 $ พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2015 ประมาณ 5.8% 30.60 $ พันล้านดอลลาร์
  • รายได้สุทธิ 76 $ พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15.0% จาก 3.27 $ พันล้านเหรียญ

สำหรับไตรมาสสี่ของไนกี้รายงานว่า

  • ยอดขายรวม $ 8.24 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3% จาก 7.78 $ พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สี่ของปี 2015

รายได้สุทธิรวม $ 846 ล้านเหรียญ ลดลง 2.2% จาก 865 $ ล้านเหรียญ
กลยุทธ์ของทางไนกี้ที่จะใช้ต่อไป คือ Omni channel  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจต่างๆนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขายสินค้าบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ที่มา: https://www.internetretailer.com/2016/06/29/nikecom-sales-shoot-51-fiscal-2016

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce แบบ Omni channel ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

แปลและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

B2B MARKETING 2016

     “Digital Marketing”  ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และถือเป็นอาวุธสำคัญสำหรับนักการตลาดในยุคปัจจุบัน สำหรับธุรกิจแบบ B2B การทำ Marketing มีความสำคัญไม่น้อย ซึ่งบางมุมมองอาจจะแตกต่างกับ B2C  มาดูกันครับว่า ข้อมูลเป็นอย่างไร

จาก Blog ที่แล้ว B2B MARKETING 2015 จะเห็นเป้าหมาย และเครื่องมือที่เหล่านักการตลาดใช้ คราวนี้เรามาดู แนวโน้มว่าพวกเค้าเหล่านั้นจะมีเป้าหมายและเครื่องมืออย่างไรบ้าง

เป้าหมายของการลงทุนทำ Digital Marketing ในปี 2016

mk2016

จากข้อมูลการ Survey นักการตลาด

ที่มา Source: Regalix Research

อันดับที่ 1 ยังคงเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ ถึง 67% รองลงมาอันดับ 2 และ 3 61% เท่ากันเป็นการเพิ่มยอดขายซี่งเปอร์เซนต์และ leads generated (กิจกรรมทางด้านการตลาดที่ให้ได้รายชื่อของผู้ติดต่อทางธุรกิจที่จะนำไปสู่กระบวนการและขั้นตอนของการขาย)   ส่วนความต้องการเพิ่มฐานลูกค้าและ Brand awareness มาเป็นอันดับที่ 4 คงอันดับเดิมจากปี 2015 ส่วนอันดับ 5 การพัฒนาลูกค้าสัมพันธ์ เลื่อนมาจากอันดับที่ 6 ของปี 2015

Digital Channel ที่ลงทุนไปในการบรรลุเป้าหมายในปี 2016

mk2016-2

อันดับ 1 Web site เช่น web e-commerce ที่รองรับหน้าจอต่างๆ responsive design ซึ่งในปัจจุบัน e-commerce ทำงานได้หลักล้านล้านบาทเลยทีเดียว

อันดับ 2 Email Marketing เป็นส่วนที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายและส่งข้อมูลทางการตลาดเข้าถึงลูกค้าจำนวนครั้งละมากๆ

อันดับ 3 SEO(organic search) ไม่จำเป็นต้องซื้อ google adwords หรือ โฆษณาต่างๆ ให้เสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่ทำ SEO ให้ดีบนหน้า website, keyword  ชัดเจน landing page เหมาะสมแค่นี้ ก็ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างไม่ยาก

อันดับ 4 Social ในปัจจุบัน social network ไม่ว่าจะเป็น facebook, linkedin, line มีผู้เข้าใช้เป็นจำนวนมาก และสามารถวิเคราะห์เห็นพฤติกรรม ความสนใจ ในด้านต่างๆ จึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้นักการตลาดเข้าถึง consumer ได้ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น

อันดับ 5 Blog “Content is King” การให้ข้อมูลสินค้าจากผู้เชี่ยวชาญ หรือ รีวิวและfeed back จากลูกค้าจะช่วยให้ลูกค้าเพิ่มความมั่นใจในการซื้อสินค้ากับเรา

Tools 2015 2016
Website 86% 80%
Email 72% 61%
SEO(organic search) 54% 54%
Social(Facebook,Linkedln etc.) 52% 66%
Blogs 39% 55%

 

ถ้าเทียบกับปี 2015 จะเห็นว่านักการตลาดยังคงใช้เครื่องมือทางการตลาด 5 อันดับแรกเหมือนเดิมแต่อาจจะลดเปอร์เซนต์การลงทุนในแต่ละส่วนลง

 “From concept to Commerce

   “Can it really happen in less than 120 days ?”

        Cost-Effectively And Better Online store are made with Our Stream Solution.

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

การตั้งค่า Shipping method ใน Magento 2

Magento 2 นั้น เราสามารถตั้งค่า rate การจัดส่งสินค้าได้ ทั้งหมด 4 แบบ

  1. Free Shipping
  2. Flat Rate
  3. Table Rates
  4. Dimensional Weight

 

อันแรกที่จะอธิบายคือการตั้งค่าแบบ Free Shipping เราสามาถตั้งค่าเพื่อดึงดูดลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน แล้วส่วนมากลูกค้าก็จะชอบเงื่อนไขแบบนี้มาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อสินค้าครบ  500 บาท ค่าจัดส่งสินค้าฟรี เป็นต้น

ขั้นตอนแรกในการตั้งค่า Free Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Free Shipping
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • ตั้งชื่อ Title
  • หลังจากเพิ่ม Title แล้วก็ต้องใส่ Method Name เข้าไปด้วย
  • กำหนด Minimum Order Amount
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. กรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ไปที่ Save Config

 

1

2

 

2. Flat Rate Shipping 

เจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์สามารถ fix ค่า ของการจัดส่งสินค้าในสินค้าแต่ละอันได้

ขั้นตอนในการกำหนดค่า Flat Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Flat Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name
  • Type ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของร้านเองเลยว่าจะกำหนด รูปแบบของ Type เป็น Per Order หรือ Per Item
  • ตั้งราคาที่เจ้าของร้านต้องการจะเก็บค่าขนส่งสินค้าจากลูกค้า
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

3

5

3.Table Rate Shipping

การคิดค่าขนส่งแบบ Table rate จะเป็นการคิดค่าขนส่งตามน้ำหนัก, ปลายทางที่ส่ง หรือ ราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ

ขั้นตอนการตั้งค่า Table Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Table Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name ชื่อที่ตั้งนี้จะไปแสดงที่หน้า Checkout ด้วย
  • ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือเลือกคำนวณค่าจัดส่ง การคำนวณค่าจัดส่งจะถูกแบ่งเป็น 3 วิธีที่แตกต่างกัน
  • 1. Weight VS Destination
  • 2. Price VS Destination
  • 3. No. of Items VS Destination
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

7

8

 

4. Dimensional Weight

วิธีการนี้คือการคิดค่าขนส่งสินค้าตาม rate ของบริษัทส่งสินค้า เช่น FedEx ,DHL, UPS

สุดท้ายนี้ในการกำหนดค่าshipping method สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ magento 2 ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ function ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้าของคุณ ผู้เขียนได้ทดลองใช้ shipping method ระหว่าง magento 1 และ magento 2 ผู้เขียนได้เห็นว่ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในเรื่องของ interface แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบ interface ของ magento 2 มากกว่า

Kanyarat Povorasin

0 0 Continue Reading →

สตรีมได้รับ Magento 2 Certificate ที่แรกของไทย!!!

Stream it passed the magento 2 training solution partner

บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด เป็น Partner หนึ่งเดียวของไทยที่ Magento กล้าการันตีว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญใน Magento e-commerce Platform และสตรีมได้รับ Magento 2 Training Certificate อย่างเป็นทางการ

  • เราคือผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนา Magento 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ถ้าคุณให้ทีมงานของเราพัฒนาระบบ e-commerce เพื่อใช้ในธุรกิจ  คุณจะได้ระบบที่มีคุณภาพ ใช้งานได้จริง และสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี
  • ลูกค้าส่วนใหญ่ได้ให้ความไว้วางใจเรา

Magento 2 Trained program ทำอะไรบ้าง?

Requirement:

1.Front End developer หนึ่งคน ต้องลงทะเบียนและเรียนรู้ในหัวข้อต่างๆของคอร์ส Core Principles for Theming in Magento 2.

2.Developer สองคน ต้องลงทะเบียนและ ดูทั้ง 5 Training module สำหรับ Fundamentals of Magento 2 Development ให้จบ.

Process:
– Developer จะต้องลงทะเบียนเรียนคอร์ส Fundamentals ของ Magento 2 ให้ครบทุกบท

-เราจะใช้ Developer หนึ่งคนในการลงทะเบียน Magento 2 Trained Partner จากหน้านี้ คลิกดูลิงค์เพิ่มเติม หลังจากเราได้เรียนบทเรียนครบหมดแล้ว ลงทะเบียนเสร็จเราจะสามารถเข้าถึงกิจกกรมผ่านทางMagento U

Course activities included
– Developer ที่ลงทะเบียนเรียนจะต้องทำแบบทดสอบให้เสร็จตรงตามที่กำหนดไว้ และทำการส่งให้ทางผู้จัดคอร์สเรียนเพื่อทำการตรวจต่อไป
– Developer ที่ลงทะเบียนทุกคนจะต้องทำแบบสำรวจความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเรียน Fundamentals ของ Magento 2 ให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละบท

 

Prawit SaraphanKanyarat Povorasin

เขียนโดย Magento Team @ Stream I.T Consulting Ltd.

0 0 Continue Reading →

How to install Magento CE 2 and Sample Data

How to install Magento CE 2 and Sample Data

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.06 PM

Magento Community Edition 2.0.2

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการติดตั้ง  Magento CE 2  ที่แสนง่ายดายนะครับ เมื่อไม่นานมานี้ทางผู้พัฒนา eCommerce  รายใหญ่อย่าง Magento  ได้ปล่อยซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดชื่อว่า Magento Community Edition 2.0  ให้ดาวโหลดแล้วในหน้า  เว็บไซต์ของ Magento  ซึ่งได้ออกแบบและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาใหม่ทั้งหมด ส่งผลดีต่อระบบคือ ความเร็วเพิ่มขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง ที่สำคัญคือเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่าเดิม จากนั้นก็พัฒนาแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในขณะใช้งานจากนักพัฒนาทั่วโลก ปรับให้รองรับการทำงานบน PHP 7 ทำให้มีการอัพเดทซอฟแวร์เป็นเวอร์ชั่น 2.0.1 และภายหลังอาทิตย์เดียวก็มีการออกเวอร์ชั่น 2.0.2  เพื่อแก้ไขปัญหาของการอัพเดท แต่ไม่ได้แก่ไขบัคใดๆ  ผมขอใช้เวอร์ชั่นล่าสุดในการติดตั้งนะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.31 PM

Guide line

 

  • เลือกวิธีการติดตั้งที่คุณต้องการ
  • เลือกติดตั้งแบบไหนดี ?
    การติดตั้ง Magento CE 2.0.2  สามารถเลือกติดตั้งได้ 2 วิธีไดเแก้
  • กรณีที่ไม่ติดตั้ง Sample Data  เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมีเพียงระบบเท่านั้น จะไม่มีตัวอย่างสินค้าในระบบครับ แต่วิธีการติดตั้งไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง  Command line ครับข้อดีคือ ไฟล์ดาวโหลดมีขนาดเล็ก
  • กรณีติดตั้ง Sample Data  ทดสอบที่ทางผู้พัฒนาให้มากับซอฟแวร์ครับ  เป็นข้อมูลร้านค้าขายสินค้าชื่อว่า  Luma  เมื่อเลือกติดตั้งแบบ Sample Data แล้วจะมีหน้าร้านเป็น Luma  เลยครับสามารถทดสอบใช้งานระบบได้ทันที แต่การติดตั้งมีการใช้คำสั่ง Comand line นิดหน่อยนะครับ  ข้อเสียคือ ไฟล์ที่ดาวโหลดมีขนาดใหญ่ครับ

 

    • ดาวโหลด Magento CE 2.0.2
      คุณสามารถเข้าไปเลือกดาวโหลดได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาเลยครับ  คลิกเพื่อดาวโหลด  โดยเลือกดาวโหลดได้ทั้งแบบไม่ต้องมี Sample Data  และมี  Sample Data  แต่ขนาดไฟล์ก็จะแตกต่างกันไปครับ แนะนำให้ดาวโหลดไปไฟล์ zip นะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.36.28 PM

 

  • ความต้องการของระบบก่อนทำการติดตั้ง Magento CE 2.0.2  ควรเช็คว่าซอฟแวร์ต้องการอะไรบ้าง เพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของระบบ

 

    • ระบบปฏิบัติการ :  Linux distributions such as RedHat Enterprise Linux(RHEL), CentOS, Ubuntu, Debian และอื่นๆ
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  Linux ubuntu 14.04
    • Apache 2.2 หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  apache 2.2
    • PHP 5.5.X ,  PHP 5.6.x , หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  Magento CE 2  ไม่รองรับ  PHP  5.4
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  PHP 7
    • PHP Extensions ที่จำเป็น
      • PDO/MySQL
      • mbstring
      • mcrypt
      • mhash
      • simplexml
      • curl
      • gd2, imageMagick  6.3.7 หรือมากกว่า
      • soap
      • intl
      • bc-math
      • openssl
    • MySQL 5.6.x
      • โน๊ต : ผู้เขียนใช้  MySQL 5.6.28
    • Composer  1.x  
      • โน๊ต :  composer มีไว้เพื่อใช้ในการดาวโหลด  Package หรือ library  ที่จำเป็นของระบบจากแหล่งต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในไฟล์ composer.json
    • Mail Transfer Agent (MTA) หรือ SMTP Server
    • ไม่บังคับแต่ควรมีไว้
      • php_xdebug 2.2.x  เพื่อใช้ในการ Debug เวลาพัฒนา  Extensions ร่วมกับ  Magento CE 2
      • PHPUnit 4.1.x  เพื่อใช้ในการเขียน Unit test

 

  • ติดตั้ง  Magento CE 2.0.2

    เมื่อคุณตรวจสอบความถูกตามที่ระบบต้องการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถทำตามขั้นตอนการติดตั้งดังต่อไปนี้ได้เลยครับ

 

ทำการ Extract file Zip  ที่ดาวโหลดมาและ  Copy  ไปวางไว้ที่  Web root  ของผู้เขียนจะอยู่ที่  var/www/html/

Screen Shot 2559-03-23 at 3.37.24 PM

    • สร้างฐานข้อมูล

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.13 PM

    • Composer install  และ Deploy  Sample Data

Composer Install
เปิด  Command Line  ขึ้นมาจากนั้นก็เข้าไปในตำแหน่งในโฟล์เดอร์ของ Package ใน  Web root  ถ้าเป็น Linux  อย่าลืมเปลี่ยนผู้ใช้งานเป็น  root ด้วยนะครับ จากนั้นพิมพ์คำสั่ง
php composer.phar  install

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.47 PM

      • จากนั้น Composer จะไปตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Library และดาวโหลด  Library  มาไว้ใน  Package  หากไม่มีการแก้ไขเวอร์ชั่น ก็จะไม่ดาวโหลดลงมาแบบตัวอย่าง

Deploy Sample Data
เพื่อไปตรวจเช็คและอัพเดทข้อมูล  Sample Data  จากเว็บหลักของ Magento  ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณทำถูกวิธี  ดูคำอธิบายเพิ่มเติม  นอกจากนั้นคุณจะต้องสร้าง Authentication Key  และนำมาใช้ในการ  Composer Add Key   และท้ายสุดก็สามารถทำการ  deploy  ได้ครับ
php bin/magento sampledata:deploy

Screen Shot 2559-03-23 at 3.39.13 PM

    • ติดตั้ง Magento มีทั้งหมด  7  ขั้นตอน

      ใช้โปรแกรม web browser ที่คุณใช้เป็นประจำ ระบุ  URL  ไปที่ตำแหน่งที่คุณวาง Package  ไว้ใน Web Server  ผู้เขียนใช้  127.0.0.1/mage2  นะครับ

      • ขั้นตอนที่ 1  :  Agree and Setup เป็นหน้าแรกสำหรับการติดตั้ง กดปุ่ม Agrea and Setup Magento เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.14 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 2  :  ตรวจสอบความถูกต้องของระบบก่อนติดตั้ง  หากผ่านทุกขั้นตอนคลิกปุ่ม Next เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.48 PM

      • ขั้นตอนที่ 3 :  ติดตั้งฐานข้อมูล เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Database Server Host :  กรอกชื่อ หรือ IP ของโฮสต์ ค่าเริ่มต้นคือ  localhost
        • Database Server Username :  กรอกชื่อผู้ใช้งาน ค่าเริ่มต้นคือ root
        • Database Server Password :  กรอกรหัสผู้ใช้งาน
        • Database Name :  กรอกชื่อฐานข้อมูล
        • Table prefix :  กรอกคำนำหน้าตาราง (สามารถเว้นว่างได้)

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.25 PM

      • ขั้นตอนที่ 4  :  ตั้งค่าเว็บไซต์  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Your Store Address : คือ url ของเว็บไซต์หน้าบ้านสำหรับลูกค้า
        • Magento Admin Address : คือ url ของเว็บไซต์หลังบ้านสำหรับผู้ดูแลระบบ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.54 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 5  :  ตั้งค่าโซนเวลา ภาษา และสกุลเงิน  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Store Default Time Zone :  เลือกโซนเวลาที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Currency  :  เลือกสกุลเงินที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Language :  เลือกภาษาที่ใช้ภายในร้านค้า

Screen Shot 2559-03-23 at 3.42.31 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 6  :  ตั้งค่าร้านค้า เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • New Username :  กรอกรหัสผู้ใช้สำหรับผู้ดูแลระบบ
        • New Email :  กรอกอีเมล์ผู้ใช้งาน
        • New Password : กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน
        • Confirm Password : กรอกยืนยันรหัสผ่านผู้ใช้งาน

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.09 PM

      • ขั้นตอนที่ 7  :  ติดตั้งระบบใช้เวลาไม่นาน หากติดตั้งใน Linux  แนะนำให้  Change Permission Package ก่อนเพื่ออนุญาตให้ระบบสามารถอ่านไฟล์และเขียนไฟล์ได้

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.40 PM

เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์จะแสดงผลลัพธ์แบบนี้ ระบบจะแจ้งสิ่งที่จำเป็นในการเรียกใช้งานระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน คุณควรจดจำให้ดี แนะนำให้เขียนใส่โน๊ตไว้เพื่อป้องกันลืมครับ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.44.11 PM

    • ตัวอย่างหน้าร้าน LUMA

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.01 PM

 

    • ตัวอย่างหลังหลังบ้าน Admin login

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.31 PM

 

Prawit Saraphan

ขอขอบคุณภาพประกอบภาพที่ 1 จากเว็บไซต์ magento
เขียนและเรียบเรียงโดย  Prawit Saraphan

 

0 0 Continue Reading →

Magento 2.0 – What’s new?

Magento 2.0

Magento 2.0 – What’s new?

Next Generation Digital Commerce Platform

มีข้อสงสัยกันเข้ามามากเกี่ยวกับ Magento 2.0 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เร็วขึ้นมั้ย รองรับเทคโนโลยีอะไรบ้าง UI ละ แล้ว Framework เปลี่ยนมั้ย เลิกใช้ prototype หรือยัง Theme สวยมั้ย และจะพัฒนาต่อไปในทิศทางไหน โน่น นี่ นั่น บลา บลา บลา วันนี้เรามาลองดูกันครับ

ก่อนอื่น ผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่า Magento เป็น eCommerce Solution ที่อยู่ในกลุ่มผู้นำของตลาด ทั้ง Open Source และ Enterprise เดี๋ยวเราลองมาสรุปภาพรวมของ Magento โดยคร่าวๆกันก่อน

  • Magento เริ่มต้นพัฒนาในปี 2007 โดย Varian Inc.
  • 2008 Beta Software ชุดแรกถูกส่งออกมา
  • 2010 eBay Inc. เข้ามาสนับสนุนโดยถือหุ้น 49% 1
  • 2011 ถูกซื้อเข้าไปอยู่ใน eBay Inc.
  • 2015 Magento ถูกควบรวมโดย Permira Funds 2
  • 2015 Official launch Magento 2.0

Magento 2 / A New Era Of Commerce Innovation 3

ใน blog ของ magento เอง ได้กล่าวไว้ว่า Magento 2.0 เป็น Next Generation Digital Commerce Platform ที่จะมาช่วยใน การส่งเสริมตราสินค้า, การค้าปลีก หรือ การทำธุรกิจ ทั้งแบบ B2C และ B2B โดยมุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็วในการส่งมอบ และความคุ้มค่าของการลงทุน บนระบบ digital commerce ในแบบ Omnichannel

Magento 2.0 ยังคงเพิ่มความสามารถในการทำงานได้รวดเร็วขึ้น, มีความสามารถใหม่ๆที่จะช่วยในการเพิ่มยอดขาย อีกทั้งมีการเพิ่มคุณภาพของตัวระบบ Magento 2.0 เองด้วย

Magento 2.0 ยังคงมี 2 เวอร์ขั่นให้เลือกใช้เช่นเดิม คือ Magento Enterprise Edition 2.0 และ Magento Community Edition 2.0

Enterprise-grade Scalability and Performance

ใน Magento 2.0 ความเร็วในการโหลดหน้าเวปจะเร็วขึ้นราวๆ 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Magento 2.0 ใส่ Vanish มาให้ตั้งแต่ on-the-shelf Software เลย นอกจากนี้ Admin Panel ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการทำงานของผู้ดูแลระบบได้พร้อมๆกันได้มากขึ้น

Secure Payments

Magento 2.0 มาพร้อมกับระบบการจ่ายเงินของ Paypal, Braintree และ Authorize.net และ Magento Enterprise Edition 2.0 ยังรอบรับ Worldpay และ CyberSource เพิ่มขึ้นอีก

ระบบ security ที่ดีของ Magento 2.0 ยังมีผลให้ การขอ PCI compliance ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

New default theme and admin GUI

บน Magento 2.0 มีการใช้ Frontend theme ใหม่ codename “Luma” ซึ่งเน้นมุมมองที่สะอาด แต่เตะตา มีการเปลี่ยนแปลงจาก Magento 1 – Madison Island theme พอสมควรทั้งทางด้านโครงสร้างภาพบนหน้าจอ การรองรับ Responsive แบบสมบูรณ์กว่าเดิม และความเร็วที่เพิ่มขึ้น

magento 2.0

ในด้าน Admin Panel ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น การตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับระบบทันสมัยมากขึ้น

Magento 2.0

No more Prototype

จากวันที่ Magento เริ่มพัฒนา ในวันนั้น jQuery ยังคงไม่แข็งแรงพอที่จะถูกเลือกมาใช้งาน ในวันนั้น Prototype จึงถูกเลือกมาใช้งานเป็น JavaScript framework หลัก และยังคงถูกใช้งานเป็นหลักใน Magento 1 จนวันนี้ Magento 2.0 ได้ก้าวออกมาและได้ใช้ jQuery เป็นตัวหลักแทน (เย้ เย้ เย้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ)

magento

Magento 2.0 Roadmap

การที่ Magento มี roadmap ที่ชัดเจน มีผลให้การ implement ระบบ eCommerce ทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะในยุค digital ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆค่อนข้างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตัวผู้ค้าเองก็ต้องมีการวางแผนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หัวข้อหลักๆที่น่าสนใจ

  • Elasticsearch support
  • Content staging
  • B2B specific enhancements
  • Personalization capabilities
  • Enhanced analytics capabilities
  • and much, much more.

Magento 2.0 อยู่บน github แล้วนะครับ

https://github.com/magento/magento2

Magento Enterprise Edition 2.0 Pricing Model

อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดของ Pricing Model ตรงนี้ได้ แต่คงกล่าวได้ว่า Magento Enterprise Edition 2.0 มีการเปลี่ยน Pricing Model จากเดิม (per instance) โดยราคา license จะเปลี่ยนไปโดยอิงกับยอดขายสินค้าเป็นหลัก4 ร้านค้าที่ยอดขายน้อย ค่า license อาจจะถูกกว่าร้านค้าที่มียอดขายมาก ราคาดังกล่าวสามารถแข่งกับ Enterprise eCommerce Platform อื่นๆได้อย่างแน่นอน หากท่านมีความสนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย5

stream magento

0 0 Continue Reading →

Line Pay with Magento

Line Pay with Magento

Line Pay เป็นเเพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือที่ผูกกับบัตรเครดิต/เดบิต ใช้ชำระสินค้าแทนกระเป๋าเงิน ซึ่งสะดวกและปลอดภัยเพราะ Line Pay มีระบบ OTP และ Touch ID ในการยืนยันตัวตน

เเบ่งประเภทเป็น 2 ประเภท คือ ลูกค้า กับ ร้านค้า

 

1.วิธีการสมัครLine Pay ของลูกค้า

  • ลงทะเบียน Line pay via Line App

Screen Shot 2559-01-31 at 10.06.19 AM

  • เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิต หลังจากกรอกแล้วครั้งต่อไปที่มีการชำระเงินก็ไม่ต้องใส่ข้อมูลบัตรทุกครั้ง บัตรที่สามารถใช้ได้ คือ VISA MASTER JCB เท่านั้น และสามารถใส่ข้อมูลบัตรได้ถึง3 ใบ ใน 1 account

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.10 AM

  • การชำระเงิน จะใช้บัตรเดบิต/เครดิต หรือการเติมเงินใส่Line pay ในการซื้อสินค้าหรือบริการกับร้านค้าที่ร่วมรายการ

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.45 AM

2.วิธีการเชื่อมต่อLine Payเข้ากับ Magentoหรือเข้ากับเว็บไซต์ร้านค้า

1.สมัครLine Pay ก่อนตามลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_TH

1.1 คลิ๊กลงทะเบียน กรอกข้อมูลสมัครและส่งเอกสารให้เรียบร้อย

Screen Shot 2559-01-31 at 10.08.33 AM

Screen Shot 2559-01-31 at 10.09.16 AM

2.เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย จะได้ username และ password มา

คลิ๊ก Mypage ในลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_THแล้วจะมีให้Login

Screen Shot 2559-01-31 at 10.13.45 AM

3.เมื่อLogin เข้ามาแล้วจะเห็นเป็นหน้าจอแบบนี้ คลิ๊ก Manage Payment Server IP แล้วก็กรอกไอพีสำหรับจัดการPayment server

Screen Shot 2559-01-31 at 10.14.35 AM

4.คลิ๊กเลือก Manage Link Key แล้วใส่รหัสที่ได้รับจากLine Payที่ส่งเข้ามาในemail

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.12 AM

5.หลังจากใส่รหัสผ่านเสร็จก็จะเห็นChannel ID and Channel secret Key เก็บรหัสตรงนี้ไว้ จะได้รหัสมา2ชุด เป็น sandbox mode และ real modeจะนำรหัสตรงนี้ไปใส่ใน payment method

การติดตั้งLine Pay

1.ไปที่admin panel System -> Magento Connect -> Magento Connect Manager

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.44 AM

2.คลิ๊ก Plugin Download จาก https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

เลือกไฟล์ magento_0.7.0.tgz แล้วคลิก “Upload”

Screen Shot 2559-01-31 at 10.16.38 AM

3. คลิ๊กอัพโหลดจะแสดงหน้าจอด้านล่าง

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.17 AM

4. พอติดตั้งเสร็จแล้วไปที่admin panel -> system -> configuration ->Payment Method -> Line Pay แล้วเริ่มการใช้ enabled เป็น Yes กรอก Channel Info และ Development ที่ได้มาถ้าต้องการTest การชำระเงินให้เปิดโหมดsandbox เป็น yes

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.41 AM

5. หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยเราก็สามารถที่จะเลือกช่องทางการชำระเงินเป็นLine Pay ได้ทางหน้าเว็บไซต์ของร้านค้าของMagento

Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.16 AM Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.25 AM

  • Login การชำระเงิน หรือใช้Smartphone scan QR code เพื่อชำระเงินสินค้า
  • ในกรณีเลือกการScan QR Code ลูกค้ายืนยันการซื้อด้วยLine Pay

 

 

  • พอชำระเงินเสร็จเรียบร้อยด้านหน้าเว็บไซต้ของร้านค้าก็จะเเสดงหน้าจอแบบนี้ขึ้นมา

Reference:http://www.click-end.com/wp/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A/#prettyPhoto

http://line.me/th/pay

https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

 

 

Kanyarat Povorasin

เรียบเรียงโดย

กัญญารัตน์ โพธิ์วรสิน

Kanyarat Povorasin

Magento Certified Developer Plus

https://www.magentocommerce.com/certification/directory/dev/2133171/

 

0 0 Continue Reading →

มารู้จัก Social Commerce & Magento

Social Commerce & Magento

บทความโดย Stream Magento Team 18 มกราคม 2559
Stream I.T. พาร์ทเนอร์อันดับ 1 ของ Magento ในไทย ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจาก Magento

Screen Shot 2559-02-01 at 9.43.32 AM

วันนี้ทางทีม Stream Magento เราขอนำเสนอ ในหัวข้อ Social Commerce & Magento

นั้นจะกล่าวถึงความสำคัญของ Social Commerce และตัวอย่างการใช้ Magento เป็น Solution ในการทำ Social Commerce

 

Overview
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ อินเตอร์เน็ทมีความเร็วที่สูงขึ้น เข้าถึงได้หลากหลายอุปกรณ์ น่าเชื่อถือขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าสามารถเผยแพร่ช่องทางการขายไปยังทุกที่ทั่วโลกได้ง่าย ผ่านการโฆษณาสินค้าและเว็บไซท์ลักษณะ e-commerce ที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น Amazon, e-bay,lazada,alibaba,kaidee อื่นๆอีกมากมาย หรือไม่ผู้ประกอบการต่างๆ ก็อาจจะมีเว็บไซท์ลักษณะ e-commerce เป็นของตัวเอง โดยใช้ cms ที่ใช้สำหรับสร้างเว็บไซต์สำหรับการขายของโดยเฉพาะ ซึ่งมีอยู่หลากหลาย  การทำธุรกรรมทางพาณิชย์ผ่าน e-commerce

 

นั้นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการพัฒนารูปแบบการค้าแบบใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีและเร็ว กว่ารูปแบบการค้าเดิมที่มักจะต้องผ่าน คนกลาง ประกอบกับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคนี้ เป็นยุคอยู่ทั้งในโลกความจริงและโลกออนไลน์ กิจกรรมในโลกออนไลน์ นั้นสามารถสร้างความหลากหลายในการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนได้ เช่น การเช็คอินตามสถานที่ ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ,ใส่ข้อความลงไปได้ว่าเราทำอะไรอยู่ , การไปกด like บน facebook , การให้คะแนนเรทของสินค้า หรือให้คำวิจารณ์, โฆษณาสินค้าจาก Youtube หรือแม้กระทั้ง ประกาศขายสินค้าและบริการผ่านทาง instagram เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Social Media ทำให้มีการซื้อขายสินค้าและบริการที่หลากหลายชนิดมากขึ้น การสื่อสารดิจิตอลแบบใหม่นี้ ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคิดพฤติกรรมของผู้บริโภครวมถึงการซื้อขาย จาก E-Commerce แบบเดิมๆ มาเป็น E-Commerce ผ่านเครือข่าย Social Media และสื่อออนไลน์อื่นๆ แทนซึ่งมีความหลากหลายยิ่งขึ้น แสดงถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ผู้ประกอบการใช้ Social Media ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อช่วยให้เกิดการซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต สิ่งนี้เรียกว่า Social Commerce

หรือสรุปสั้นๆได้ว่า Social Commerce คือ Social Media ในมุมมองที่เกี่ยวข้องกับ E-Commerce หรือการทำธุรกิจโดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Social Activity บนโลกออนไลน์นั่นเองครับ

Screen Shot 2559-02-01 at 9.46.05 AMScreen Shot 2559-02-01 at 9.47.06 AM

Social Commerce มีดีอะไร ?

 

Social Commerce เป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ต่างกับเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ที่ต้องใช้เวลานาน กว่าจะมีผู้ใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เป็นการผสาน E-Commerce และ Social Media รวมเป็นคุณสมบัติ 6C (Social Innovation conference – Bankinter Foundation .,2012) มีดังต่อไปนี้

1.เนื้อหา – Content     ส่วนสำคัญที่สุด ผู้ประกอบการมีรายละเอียดสินค้าบนเว็บไซต์ของตนและปรับปรุงให้ทันสมัย และลูกค้าสามารถใช้ Search Engine ค้นหาข้อมูลสินค้าและข้อมูลด้านอื่นของสินค้านั้นได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น สื่อโฆษณาใน Youtube และ รีวิวความคิดเห็นจากลูกค้ารายอื่น การให้คะแนนจากลูกค้าที่เคยใช้สินค้า ข้อมูลที่ลูกค้าตรวจสอบจากการใช้สินค้าผ่านบทวิจารณ์สินค้า หรือ Comment เกี่ยวกับสินค้าใน Social Media ต่างๆ

3.การพาณิชย์ – Commerce       รูปแบบพาณิชย์ของ Social Media สามารถสนองตอบความต้องการทุกรูปแบบของลูกค้าได้ รับรองประเภทสินค้าและบริการได้มากชนิดขึ้น มีตั้งแต่ระดับเล็กๆจนถึงระดับใหญ่ และการติดต่อได้หลากหลายช่องทางมากกว่าเดิม   รูปแบบพาณิชย์ใหม่ๆ มีตั้งแต่ การรับดูดวงผ่าน Skype ประกาศขายสินค้าทาง Instagram , Facebook Shop ,รับออร์เดอร์สินค้าแบบขายส่งผ่าน Line อื่นๆอีกมากมาย

2.บริบท      –Context   Social Commerce อยู่บนพื้นฐาน E-Commerce นั้นมีสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องประสานการทำงานกับระบบ ระบบขนส่ง ระบบการชำระเงิน หรือระบบอื่นๆ ซึ่งระบบเหล่านี้มีให้บริการออนไลน์ ให้ใช้งานอยู่หลากหลาย เช่น ธนาคารออนไลน์ , Track And Trace : Thailand Post การติดตามการขนส่งไปรษณีย์ไทย, Paypal ระบบการชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น อีกทั้ง สามารถเข้าถึงข้อมูลด้วย อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มาพร้อมกับแอพพลิเคชันที่รองรับการใช้งานในหลากหลายฟังก์ชัน สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้เป็นอย่างมาก โลกออนไลน์สามารถผสานกับโลกความจริงได้สร้างความสะดวกสบายทั้งแก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

  1. การเชื่อมต่อ–Connection Social Media สร้างเครือข่ายออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่มีข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้อาจมาจากระบบสังคมปกติหรือสร้างใหม่จากเครือข่ายออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งในระดับเดียวกัน สังคมเดียวกันและอย่างไม่เป็นทางการ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือการเชื่อมต่อกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดของ Social Commerce
  2. ชุมชน – Community เมือมีการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ก็เกิดเป็นสังคมขึ้น Social Media สามารถสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้ใช้บริการ ที่มีความสนใจคล้ายๆกัน ก่อให้เกิดเป็นชุมชนต่างๆ พื้นที่โลกออนไลน์ที่ทุกคนสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ยกตัวอย่าง เช่น Wongnai เป็นชุมชนในการรีวิวร้านอาหารทั่วกรุงเทพและปริมณฑล Facebook Fan Page ร้านต่างๆ หรือแม้กระทั้ง Pantip เว็บบอร์ด ชื่อดังของไทย เป็นต้น

6.การสนทนา–Conversation     การพูดคุยหรือการสนทนา เป็นสิ่งที่สำคัญในงานขายและการตลาด ซึ่ง Social Commerce ผู้ขายหรือผู้ซื้อสามารถเชื่อมโยงการขายสินค้าและบริการ หรือการสอบถามข้อมูล ของตนไปในรูปแบบการแชทหรือสนทนาออนไลน์ ผ่าน Social Media แบบต่างได้ เช่น การแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและบริการของของตนในระหว่างการสนทนาออนไลน์ที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้บริการอยู่ หรือแม้กระทั่งการคอมเมนท์โพสต์สินค้าของลูกค้าเอง

ตัวอย่าง Social Commerce ที่นำมาใช้จริง โดย Magento

หลังจากที่พูดถึงทฤษฎีมายาวเยียด ก็เพราะอยากให้ผู้อ่านได้เห็นที่มาและความสำคัญ การนำความคิด Social Commerce มาใช้จริงนั้นมีอยู่มากมายหลายวิธีหลายกลยุทธ ดังนั้นทีม Stream Magento ของนำเสนอ สิ่งที่ทีมเราถนัดที่สุดคือ Magento เริ่มกันเลยครับ

เริ่มที่ F-Commerce หรือ Facebook-Commerce เราที่สามารถสร้างธุรกิจบน Platform Facebook ได้ โดยไม่ต้องเสียโอกาสเมื่อลูกค้าดูข้อมูลจาก Facebook Page แล้วก็สามารถตัดสินใจซื้อของได้จากที่นี่เลย หรือเรียกว่า Facebook Shop จะเป็นแบบระบบการซื้อขายขนาดย่อมๆบน Facebook เพราะการที่ต้องให้ลูกค้าคอยออกไปเปิดหน้าเว็บไซด์เราเองเพื่อทำการซื้อของ นั้นอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการขายไปได้อย่างไม่รู้ตัว
Facebook-Commerce สามารถใช้ Magento ทำเป็นเว็บไซต์หลักแล้วเชื่อมต่อข้อมูลมาที่ Facebook โดยมี ส่วนเสริมที่จะช่วยในการเชื่อมต่อ(Extension)ได้อย่างง่ายดาย สินค้าต่างๆที่อยู่ในร้านของเรา สามารถแชร์ แสดงความคิดเห็น กดไลค์ ได้เป็นแต่ละรายสินค้าด้วย

 

Screen Shot 2559-02-01 at 9.48.53 AM

ตัวอย่างตัวเว็บไซต์หลักที่ สร้างโดย Magento

Screen Shot 2559-02-01 at 9.50.11 AM

Facebook Page ที่ เชื่อมต่อกับ Magento แล้ว

Screen Shot 2559-02-01 at 9.56.45 AM

สามารถเลือกสินค้าลงตระกร้าได้ที่ Facebook Page

Screen Shot 2559-02-01 at 9.59.04 AM

สามารถ Checkout รายการสินค้าได้เลย

Screen Shot 2559-02-01 at 10.03.45 AM

LINE PAY e-Commerce Platform LINE ผู้นำ Social Media แพลตฟอร์มบนมือถือได้ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ “ไลน์ เพย์ (LINE Pay)” แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ LINE ได้ “ช้อปง่าย จ่ายสนุก” ในการชำระเงินซื้อสินค้า รวดเร็วและปลอดภัย ผู้ใช้จะสามารถเติมเงินเข้าบัญชีไลน์ เพย์ (LINE Pay) เพื่อชำระเงินและส่งโอนเงินไปยังผู้ใช้ LINE Pay ท่านอื่นผ่านการส่งข้อความได้ ส่งคำขอ แชร์เงินหรือใช้การชำระแบบร่วมกันหลายๆคนได้ ซึ่งนับเป็นการทำธุรกรรมบนมือถือรูปแบบใหม่ในอนาคต
LINE PAY ยังสนับสนุนการ เชื่อมต่อกับ ร้านค้าที่ใช้แพลตฟอร์ม Magento สามารถทำการติดตั้ง ผ่าน Extension ได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อเว็บ

Screen Shot 2559-02-01 at 10.04.21 AM

ตัวอย่างการ โอนเงิน/ ส่งคำขอ/ แชร์เงิน

เมื่อ LINE PAY ได้ถูกติดตั้งลงใน Magento แล้ว ลูกค้าสามารถ ชำระเงิน ยกเลิกการชำระเงิน และรับคืนเงินที่ออกโดยผู้ดูแลระบบได้ LINE PAY รองรับการใช้งาน Magento ทั้งการจากการเชื่อมต่อผ่านเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

Screen Shot 2559-02-01 at 10.05.01 AM

Screen Shot 2559-02-01 at 10.05.43 AM

ตัวอย่างการสั่งซื้อและการชำระเงินผ่าน LINE PAY เมื่อเชื่อต่อกับ Magento ผ่านเว็บไซต์

Screen Shot 2559-02-01 at 10.09.49 AM

ตัวอย่างการสั่งซื้อและการชำระเงินผ่าน LINE PAY เมื่อเชื่อต่อกับ Magento ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่

Screen Shot 2559-02-01 at 10.10.57 AM

Group-Buying คือ Social Commerce แบบหนึ่ง ที่เสนอขายโปรโมชั่น หรือคูปองลดราคา โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องมีผู้ซื้อโปรโมชั่นนั้น มากกว่าจำนวนขั้นต่ำขึ้นไป โปรโมชั่นนั้นจึงจะใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น โปรโมช่ั่นร้านอาหาร ต้องมีผู้ซื้อมากกว่า 100 คนขึ้นไป ถ้ามีจำนวนคนซื้อไม่ถึง ถือว่าโปรโมชั่นนั้นยกเลิก โดยทั้งนี้อาจจะมีการจำกัดจำนวนคูปองไว้ด้วย ตัวอย่างของแนวคิดนี้คือ Grouponใน กรณีของ Magento เอง ก็มี ส่วนเสริมในการทำ Group-Buying อยู่หลายตัวครับ

Screen Shot 2559-02-01 at 10.11.34 AM

ตัวอย่าง หน้าการตั้งค่า Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Group-Buying

Screen Shot 2559-02-01 at 10.12.21 AM

ตัวอย่าง หน้าแรก Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Group-Buying

Flash Sale คือเว็บที่เสนอขายสินค้าราคาลดแบบสุดๆ เฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ตัวอย่างของ Flash Sales เช่น www.jetsetter.com จำหน่ายโปรแกรมท่องเที่ยว หรือห้องพักโรงแรมต่างๆ อีกตัวอย่างคือ Amazon Lightening Deals ซึ่งจะมีสินค้าหลากหลายอย่าง มาลดราคาสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวัน โดยจะจำกัดจำนวนสินค้า และจำกัดเวลาไว้ (ประมาณ 3-4 ชม) นอกจากนี้ผู้สนใจยังสามารถติดตาม ส่วนลดใหม่ๆ ของ Amazon ผ่านทาง Twitter @amazondeals ได้อีกด้วย Magento เอง ส่วนเสริมในการทำ อีกแล้วครับผม

 

Screen Shot 2559-02-01 at 10.13.01 AM

ตัวอย่าง หน้าการตั้งค่า Magento ที่ลงส่วนเสริมในการทำ Flash Sale

Screen Shot 2559-02-01 at 10.13.35 AM

ตัวอย่าง เว็บไซต์ที่ทำ Flash Sale

อ้างอิง
อุราเพ็ญ ยิ้มประเสริฐ .(2556),S-COMMERCE: อนาคตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ บนเครือข่ายสังคมออนไลน์,ออนไลน์
ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ ,Social Commerce กลยุทธ์ใหม่ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์,ออนไลน์
E-Commerce ถอยไป Social Commerce มาแล้ว http://www.positioningmag.com/content/social-commerce-กระแสใหม่แห่งโลก-ecommerce

 

เรียบเรียงโดย

ธนกฤต พรหมศิริ

Thanakrit Promsiri

Magento Certified Developer Plus

https://www.magentocommerce.com/certification/directory/dev/1960817/

0 0 Continue Reading →

มุ่งสู่ Digital Marketing Excellence…

แผนภุมิ Digital Marketing Excellence ..เรียนรู้จากบริษัทที่ปรึกษา Smart Insights เดินตามแผนนี้เพื่อแผนการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

Capability Framework คงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเราที่เคยทำกระบวนการการปรับปรุงคุณภาพมาแล้วนะคะ แต่ว่าคราวนี้ นำมาใช้กับนักตลาดยุคใหม่ เพื่อต่อยอดแผน Digital Marketing เพื่อมุ่งเน้นคุณภาพ ด้วยการตั้ง KPIs หรือตัวชี้วัดผลงานจาก Volume-based มาเป็น Value-based จนกระทั่งถึง Lifetime-value ในที่สุด

รวมถึงการ engage กลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆ จาก Integrated web, mobile, email and social media ไปสู่ Full contextual personalized experiences and recommendations

ซึ่งการจะไปสู่จุดนี้ได้ก็ต้องอาศัย Big Data Analytics ล่ะค่ะ ในการนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์ และแปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่ดีเลิศแก่ลูกค้าของเรา ผ่านช่องทางต่างๆ

Smart Insights Digital Excellence capability framework will help you review how effectively your digital marketing is managed across seven key areas:

  • A. Your Strategic approach
  • B. Evaluation and performance improvement process
  • C. Management buy-in to investment in digital marketing
  • D. Resourcing and structure for digital including integration
  • E. Data and infrastructure or platforms
  • F. Integrated customer communications across Paid-Owned-Earned media
  • G. Integrated customer experiences across desktop and mobile devices

 

Digital Marketing Capabilities Model - Smart Insights

 

 

Source: Smartinsights.com – Digital Transformation

 

 

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save