Skip to Content

Blog Archives

เปลี่ยนคนเข้าเว็บขาจร ให้เป็นลูกค้าขาประจำ เพิ่ม Conversion Rate ด้วย Magento

Conversion Rate  เป็นสิ่งที่วัดประสิทธิภาพรายได้ของ Website E-commerce ที่สำคัญตัวหนึ่ง โดยคำนวนจาก จำนวนผู้ซื้อสินค้า/จำนวนผู้เข้าชม Website ยิ่งสูงมาก ยิ่งมีโอกาสที่เงินจะเข้าเยอะ

ใน Magento Version 2.1 มี Feature ที่สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้แก่

 

1. Elastic search (Enterprise Edition)

Admin สามารถกำหนด Priority การ Search ด้วยการ set น้ำหนักให้แก่ Attribute ต่าง เช่น  หากต้องการให้คำที่ลูกค้า Search ไป Match กับ ชื่อสินค้าก่อนสี, ขนาด, ไซส์สินค้า เราก็ใส่ น้ำหนัก “ชื่อ” มากกว่า สี ขนาด หรือ ไซส์

การใช้ Stop words โดยเพิ่ม stop word เข้าไปใน stopwords.csv เท่านี้ก็ทำให้ performance ของการ Search เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์ออกมาได้ทันใจ ลูกค้า และ Search synonyms การค้นหาคำต่างๆ ของลูกค้า บางครั้งอาจจะไม่มีผลลัพธ์สำหรับคำนั้นเป๊ะๆ ดังนั้นการเพิ่มคำเหมือน (synonyms ) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหาสินค้าใน Website เราให้เจอได้ง่ายขึ้น

2. PayPal in-context checkout 

ขั้นตอนการชำระเงินที่ยืดยาว อาจทำให้ลูกค้าเบื่อในการกรอกข้อมูล Magento 2 สามารถลดขั้นตอนการ Check out เพื่อให้ชำระเงินโดยต่อกับระบบ PayPal ได้ทุกหน้าที่ต้องการ และเป็นการโชว์ pop up แทนที่จะ redirect ไปที่หน้า PayPal

3. Varnish caching

เพิ่มประสิทธิภาพในการ Loading Page ให้เร็วขึ้นถึง 6-25 เท่า

 

4. Visual Merchandizer

มี Feature ที่เพิ่มขึ้นจาก Magento Enterprise 1.4  โดยสามารถแสดงสินค้าตามที่เงื่อนไขที่เรากำหนด เช่น ประเภทสินค้า (Smart Category Rules)  และการ drag and drop สินค้าที่จะแสดงในหน้า page ต่างๆ

 

5. Customer Segmentation

ลูกค้าคนไหน เป็นลูกค้าชั้นดี ที่มาซื้อกับเราเป็นประจำ นอกจากจะให้ Promotion เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษยิ่งขึ้นแล้ว ก็ควรจะจัด Segment ของลูกค้าแต่ละคน การทำ Segment นั้น อาจจะตั้งกลุ่มลูกค้าเป็น Platinum, Premium, VIP, Gold, Sliver ซี่งแต่ละกลุ่ม แต่ละ Segment ลูกค้าจะเห็น ราคาสินค้าพิเศษที่แตกต่างกันไป หรือเห็นสินค้าเฉพาะกลุ่มของลูกค้า (Private Sale)

 

นอกเหนือจาก Feature ของ Magento 2 ที่สามารถเพิ่ม Conversion Rate ให้กับ website ของเราแล้ว ยังมีเครื่องมือ CRO Toolbox ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการออกแบบ website ขึ้นได้อีก มาดูตัวอย่างกันครับ

 

1. Google Analytics

เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและฟรี นิยมนำมาวิเคราะห์ดูสถิติของผู้เข้าชม Website รวมถึงพฤติกรรมของผู้เข้าชม โดยแสดงจำนวน Visitor , Traffic , Content เป็นต้น

2. Inspectlet

เครื่องมือนี้สามารถเก็บวิดีโอหน้าจอที่ลูกค้าเข้ามาบน website เพื่อดูพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียด ว่าคลิกตรงไหน กรอกข้อมูลตรงไหนก่อนหลัง  แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ ดูว่าลูกค้าของเรามีปัญหาในหน้า page ไหน

3. MageMail

สามารถให้ลูกค้านำข้อมูลตระกร้าสินค้าที่ลูกค้าทิ้งไป หรือยังไม่ได้ชำระเงิน แค่ 1 คลิกผ่านอีเมลแจ้งเตือน และแนะนำสินค้าต่างๆ โดยวิเคราะห์จากสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ หรือเคยเพิ่มเข้าในตระกร้าสินค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งลดภาระทาง Admin ลงได้ และมี Feature แจ้งเตือนอื่นๆ อีกมากมาย

4. Google PageSpeed Insights

เมื่อเราสร้าง Website เสร็จ จะรู้ได้อย่างไรว่า web ของเรานั้นมีความสามารถในการดึงข้อมูลต่างๆ มาแสดงผลลัพธ์ในหน้า page นั้นได้อย่างรวดเร็ว

Google PageSpeed Insights สามารถช่วยได้ โดยวิเคราะห์ข้อมูลการโหลด page และแนะนำการ tuning page speed อย่างละเอียด

5. AddShopper

หากต้องการรู้ว่า ช่องทางใดของ Social Media ที่สามารถเพิ่ม Conversion ให้เราได้เยอะที่สุด เครื่องมือนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นนอน

6. Google Content Experiment

หากเราต้องการที่จะ test ว่า Design page ไหนดีกว่ากัน แบบ A หรือ แบบ B สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้เลยแบบฟรี แต่อาจจะต้องเรียนรู้วิธีการตั้งค่านิดหน่อย

 

credit:https://magento.com/blog/best-practices/magento-conversion-rate-optimization-strategies

หากสนใจที่จะเพิ่มยอดขายให้กับ E-Commerce  สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

แปลและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

 

0 0 Continue Reading →

ทำความรู้จัก A/B Testing

A/B Testing คืออะไร

A/B Testing เป็นวิธีการเปรียบเทียบการออกแบบของ Web page ที่ออกแบบมาแตกต่างกัน เพื่อดูว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน โดยที่พิจารณาจาก conversion rate ซึ่งเว็บไซต์แต่ละประเภทจะมี conversion rate ที่แตกต่างกัน เช่น

1.E-Commerce Website อาจจะวัดจาก ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ซื้อสินค้ากับผู้เข้าชมเว็บไซต์เฉยๆ

2.Saas web app อาจจะวัดจากผู้เข้าใช้ application ที่ลงทะเบียนใช้ trail version และเปลี่ยนมาเป็นจ่ายเงิน (paid version)

3.ข่าวหรือ media เว็บไซต์ อาจจะวัดจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่คลิกโฆษณหรือกด subscriptions  กับผู้เข้าชมเว็บไซต์เฉยๆ

 

ทุกธุรกิจบนเว็บไซต์ต้องการที่จะเปลี่ยนจาก ผู้เข้าชมเว็บไซต์มาเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือการกระทำแบบอื่นๆ ที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องการ เรียกว่า Conversion rate ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัววัดประสิทธิภาพของตัวแปร A, B ว่าแบบไหนที่เราออกแบบแล้วมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

แล้วเราจะ test ส่วนไหนของ website ได้บ้าง

ทุกองค์ประกอบของเว็บไซต์สามารถทำ A/B Test ได้ ได้แก่
1.Headlines
2.Sub headlines
3.Paragraph
4.Testimonials
5.Text Link
6.Action Button
7.Links
8.Images
9.Content
10.Social proof
11.Media mentions
12.Awards และ badges

ขั้นตอนการทำ A/B Testing
1.ศึกษาข้อมูลเว็บไซต์ โดยใช้ Google Analytics เพื่อหาปัญหา เช่น หน้า page ที่มี bounce rate สูงๆ คนที่เข้ามาเว็บไซต์หน้าไหนแล้ว ออกจากเว็บไปโดยไม่ดูหน้าอื่นต่อ เช่น ถ้าคนเข้ามาดูหน้า home page แล้ว ไม่มีคลิกไปที่อื่นต่อ หรือไม่คลิกที่รูปภาพไหนเลย แสดงว่า ควรจะทำ A/B test ที่หน้า home page ก่อน เพราะ bounce rate สูง

2.ตั้งสมมติฐาน ควรจะตั้งสมมติฐานที่ทำให้เพื่ม conversion rate เช่น รูปโปรโมชั่น ควรทำให้มีเนื้อหาดึงดูใจผู้ที่เข้ามาชม หรือ ปุ่มซื้อสินค้าเล็กเกินไป ไม่เด่นทำให้ผู้เข้าชมเว็บไม่เป็นที่สังเกตุ

3.ทดสอบสมมติฐาน โดยการสร้างตัวแปรที่สอดคล้องกับสมมติฐานจากข้อ 2 โดยเทียบกับ web page ปัจจุบัน เช่น ตัวแปร A เป็น web page ปัจจุบันที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และตัวแปร B เป็น web page ที่มีรูปโปรโมชั่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีเนื้อหาดึงดูดให้เข้ามาคลิก

4.ดูผลลัพธ์จากการสร้างตัวแปร AB test วิเคราะห์ผลลัพธ์จากข้อ 3 ว่าตัวแปร B ที่เราสร้างรูปโปรโมชั่นใหม่ มีผู้เข้าชมเข้ามากดคลิก เพิ่มขึ้นขนาดไหน ถ้ามีคนคลิกเยอะแสดงว่า ควรที่จะปรับปรุงรูปโปรโมชั่นบนหน้า homepage เพื่อลด bounce rate และ เพิ่ม conversion rate ให้มากกขึ้น แต่ถ้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่ารูปโปรโมชั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรปรับปรุง ควรจะกลับไปข้อ 2 เพื่อตั้งสมมติฐานใหม่และลองใหม่เพื่อหาสาเหตุปัญหาบน web page


 

บทความต่อไป เป็นการใช้ Google Experiment ทำ A/B Testing แบบ ฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

หากสนใจที่จะเพิ่มยอดขายให้กับ E-Commerce  สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

เขียนโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

 

0 0 Continue Reading →

การซื้ออาหารออนไลน์ผ่าน E – commerce

ปัจจุบัน การซื้ออาหารออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ E-Commerce  เป็นที่นิยมกันแพร่หลายมากขึ้น      ด้วยตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น จากการสำรวจการซื้ออาหาร หนึ่งในสามของผู้บริโภคสหรัฐที่ซื้ออาหารผ่านออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเว็ปไซต์ mobile  หรือผ่าน device ต่างๆ ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ให้บริการอาหารออนไลน์มีเพิ่มขึ้น เช่น goldbely, iGourmet, Dean & Deluca, D’Artagnan, MOUTH, Walmart และมีตัวเลือกอาหารมากขึ้น เกิดการแข่งขันที่สูง จึงเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่กำลังมองหาอาหารบนเว็บ

จากการสำรวจในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2016 พบว่า 31% ของผู้บริโภคสหรัฐซื้ออาหารออนไลน์ในช่วงครึ่งแรกของปีเกือบ 2,000 คน ที่ซื้อผ่านทางโทรศัพท์

จากข้อมูลตอบแบบสอบถามพบว่า ผู้ซื้ออาหารออนไลน์มีแนวโน้มที่จะเป็น Millennials หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Gen Y  พบว่า 36% ของอายุ 18-34 ปี บอกว่าพวกเขาได้ซื้ออาหารออนไลน์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ

  1. ผู้ซื้ออาหารออนไลน์ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นบัณฑิตวิทยาลัย (35%)
  2. ผู้ปกครอง (37%)
  3. ผู้อาศัยอยู่ในเขตเมือง (38%)

 

online1

รูปที่ 1 ประเภทของผู้ซื้ออาหารออนไลน์

ขนมขบเคี้ยวเป็นอาหารที่ซื้อกันมากที่สุดในการซื้อออนไลน์

20% ของผู้บริโภคสหรัฐกล่าวว่า พวกเขาต้องการซื้อของออนไลน์ เช่น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (17%), สินค้าบรรจุแห้ง (16%), ผลไม้และผักสด (16% ) เนื้อสัตว์และอาหารทะเล (15%), ผลิตภัณฑ์นม (15%), เครื่องปรุงรส / น้ำ (14%), ผลิตภัณฑ์ขนมหวาน (14%), สินค้าบรรจุกระป๋อง (14%), อาหารแช่แข็ง (12%) และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (12 %)

online2

รูปที่ 2 20% ของผู้บริโภคในสหรัฐ

  52% ของผู้ที่ซื้ออาหารออนไลน์กล่าวว่า พวกเขาซื้ออาหารออนไลน์เพื่อหาอาหารที่พวกเขาไม่สามารถหาได้ในระหว่างการเดินทาง

24% ของร้านขายของชำกล่าวว่า ผู้บริโภคได้ลดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่งผลให้การช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น 5%

ตามที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกของผู้บริโภคสหรัฐในร้านอาหารและเครื่องดื่มในปีที่ผ่านมา มีเม็ดเงินประมาณ 690.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งมีการซื้อผ่านทางออนไลน์ประมาณ 2.3% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นกว่า 6% ในปีนี้

E-Commerce ร้านอาหารหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ผู้บริโภคได้รับบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีสินค้าให้เลือกมากมาย จึงตอบโจทย์แก่ผู้บริโภคและผลักดันให้มีการเจริญเติบโตของตลาดมากขึ้น

ที่มา:https://www.internetretailer.com/2016/07/01/cooking-online-food-sales-consumers-buy-more-web

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

แปลและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

ยอดขายรองเท้าของ Nike.com เพิ่มขึ้น 51% ผ่าน E-commerce

ผู้ผลิตรองเท้าชื่อดัง ไนกี้ แสดงยอดขายจากการขายผ่าน E-Commerce ใน 40 ตลาดทั่วโลก และกล่าวว่าได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นผ่านช่องทาง เว็บไซต์ และ App มือถือ ซี่งยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% สำหรับเครื่องแต่งกายกีฬาและผลิตรองเท้าไนกี้อิงค์ (Nike Inc.)

ในปี 2015 ที่ผ่านมาไนกี้ประกาศว่าสามารถทำยอดขายได้ประมาณ  1.51 $ พันล้าน ซึ่ง 4.7% เป็นยอดขายที่ได้ผ่านทางเว็บไซต์ เพิ่มขึ้น 3.3% ในปีก่อน

nike1

จากกราฟจะเห็นได้ว่า รายได้จากการขายบน E-Commerce ตั้งแต่ปี 2012 ประมาณ 409 $ ล้านเหรียญ และเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในปี 2016

ทางไนกี้คาดว่ายอดขาย E-Commerce จะเติบโตถึง 7 $ พันล้านเหรียญ ในปี 2020 และได้มีความคิดริเริ่มที่จะมีแอปพลิเคชั่นบนมือถือ App และปรับปรุงแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงมีการแชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่าน device ทำให้ลูกค้าสามารถใช้ device ต่างๆ โดยดูข้อมูลได้อันเดียวกัน อีกทั้งไนกี้มีโปรแกรมสะสมแต้มเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำด้วย

ผู้บริหารไนกี้กล่าวว่า กลยุทธ์ต่อไปที่ใช้ คือ Omni channel  โดยที่จะเชื่อมต่อข้อมูลสินค้าแต่ละร้านค้าเข้ากับระบบ E-Commerce ซึ่งกลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่ยอดขาย  20 $ ล้านเหรียญในปี 2020 ซึ่งหากต้องการให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ไนกี้ต้องมียอดขายโต 46.7% ต่อปี ในอีกช่วง 4 ปีถัดจากนี้

สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2016 ไนกี้รายงานว่า 

  • ยอดขายรวม 38 $ พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2015 ประมาณ 5.8% 30.60 $ พันล้านดอลลาร์
  • รายได้สุทธิ 76 $ พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15.0% จาก 3.27 $ พันล้านเหรียญ

สำหรับไตรมาสสี่ของไนกี้รายงานว่า

  • ยอดขายรวม $ 8.24 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3% จาก 7.78 $ พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สี่ของปี 2015

รายได้สุทธิรวม $ 846 ล้านเหรียญ ลดลง 2.2% จาก 865 $ ล้านเหรียญ
กลยุทธ์ของทางไนกี้ที่จะใช้ต่อไป คือ Omni channel  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจต่างๆนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขายสินค้าบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ที่มา: https://www.internetretailer.com/2016/06/29/nikecom-sales-shoot-51-fiscal-2016

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce แบบ Omni channel ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

แปลและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจสินค้าเฉพาะทาง(ของเล่น ของสะสมและเครื่องใช้สำหรับเด็กทารก,อุปกรณ์กีฬาและของจัดสวน,งานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับ)

ในบทความนี้เราจะเจาะมูลค่ายอดขายของภาคธุรกิจเฉพาะทางจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.ของเล่น ของสะสมและเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าสำหรับเด็กทารก

2.อุปกรณ์กีฬาและของจัดสวน สินค้าในประเภทนี้ได้แก่ อุปกรณ์กีฬาทุกชนิด ต้นไม้ ดอกไม้ อุปกรณ์จัดสวน และสินค้า DIY ทั้งหลาย

3.งานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับ สินค้าในประเภทนี้ได้แก่ งานศิลป์ ของสะสมต่างๆ แสตมป์ ของโบราณ ธนบัตร นาฬิกา อัญมณี แหวน สร้อย เป็นต้น

เรามาดูว่ายอดขายประมาณการณ์ของภาคธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2014-2020 เป็นอย่างไร

si1

*ข้อมูลมูลค่ายอดขายนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสำรวจจากการซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้(physical goods)และมีลักษณะ B2C ที่มีการซื้อขายผ่าน คอมพิวเตอร์ และ Mobile Devices

จากรูปด้านบน ภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่าน E-Commerce ในประเทศไทยของภาคธุรกิจนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าสูงถึง 276 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 9,660 ล้านบาท และในปี 2015 ที่ผ่านมา 13,370 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 38.4%  ในปี 2016 คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 80.43% จากปี 2014 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 36,435 ล้านบาท ถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่น่าลงทุนทีเดียว โดยเฉพาะสินค้าในส่วนงานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับซึ่งมียอดขายสูงสุด ถ้าเทียบกับสินค้าประเภทอื่นในภาคธุรกิจเดียวกัน

อัตราการเติบโตยอดขายภาคธุรกิจสินค้าเฉพาะทาง (คิดเป็น%)

si2

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2015 – 2020 สินค้าจำพวกของเล่น ของสะสมและเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าสำหรับเด็กทารกมีอัตราการเติบโตของยอดขายมากที่สุดในภาคธุรกิจนี้เฉลี่ย 34% รองลงมาเป็นสินค้างานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 25% ส่วนอันดับสุดท้ายเป็นของสินค้าอุปกรณ์กีฬาและของจัดสวนซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 16%

จำนวน User ที่ซื้อสินค้าต่อปี

si3

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2014 – 2020 จำนวน user ที่ซื้อสินค้าทั้ง อุปกรณ์กีฬาและของจัดสวน กับ งานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่น่าสนใจคือ สินค้าพวก ของเล่น ของสะสมและเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าสำหรับเด็กทารก มีจำนวน User เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2014 ถึง 2020 เป็นไปได้ว่าลูกค้ารุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการใช้ internet กลายมาเป็นคุณพ่อ คุณแม่ยุคใหม่ที่นิยมจะซื้อสินค้าเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าสำหรับเด็กทารก ผ่านทางออนไลน์แทนที่จะไปซื้อถึงที่ร้าน

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ในการซื้อสินค้าต่อปี (Average revenue per user)

si4

กราฟก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่ามีจำนวน User ต่อปีที่เท่าไรที่ซื้อสินค้า คราวนี้มาดูว่าแต่ละ User มีการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง

จากกราฟด้านบนตั้งแต่ปี 2014-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ที่ซื้อสินค้าของเล่น งานอดิเรก งานฝีมือและเครื่องประดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากปี 2014 จนถึงปี 2020 เพิ่มขึ้นมา 2 เท่าตัวเท่ากับสินค้าอีก 2 ประเภท

อัตราการเติบโตของภาคสินค้าเฉพาะทาง ส่งผลให้มูลค่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ มาจากการเข้าถึงผู้ใช้สามารถเข้าถึง Internet ในประเทศเพิ่มมากขึ้นและอุปกรณ์ IT ต่างๆ มีราคาลดลงและคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y,Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในการผลักดัน E-Commerce ในอนาคต

Picture Credit: www.statista.com/

 

_______________________________________________________________________

ไปต่อกับบทความ ยอดขาย  E-Commerce ในประเทศไทยแยกตามภาคธุรกิจ

_______________________________________________________________________

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอาหาร,เครื่องสำอาง,ยาและเวชภัณฑ์

ในบทความนี้เราจะเจาะมูลค่ายอดขายของภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม,เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1.อาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมอาหารสำหรับเด็กทารก)  ในกลุ่มนี้เราจะเห็นว่ามีการแข่งขันกันหลายเจ้าในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น KFC, Pizza, MK, BURGER KING เป็นต้น

2.เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งในกลุ่มนี้มีผู้เล่นหลายเจ้า เช่น Watson, Boot  เป็นต้น

เรามาดูว่ายอดขายประมาณการณ์ของภาคธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2014-2020 เป็นอย่างไรR1

*ข้อมูลมูลค่ายอดขายนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสำรวจจากการซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้(physical goods)และมีลักษณะ B2C ที่มีการซื้อขายผ่าน คอมพิวเตอร์ และ Mobile Devices

จากรูปด้านบน ภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่าน E-Commerce ในประเทศไทยของภาคธุรกิจนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าสูงถึง 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 4,340 ล้านบาท และในปี 2015 ที่ผ่านมา 5,530 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 27.4%  ในปี 2016 คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 58% จากปี 2014 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 13,825 ล้านบาท ถึงแม้ว่าภาคธุรกิจนี้ยอดขายจะไม่สูงเท่าธุรกิจอื่น แต่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ทุกปี

อัตราการเติบโตยอดขายภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม,เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์(คิดเป็น%)

R2

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2015 – 2020 สินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่มตกลงจากปี 2015 ประมาณ 22.1% และแผ่วลงเล็กน้อยในปีต่อๆไป และมีอัตราการโตโดยเฉลี่ย 20% ทุกปี

ส่วนสินค้าพวก เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์จากปี 2015 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4% และตกลงเรื่อยๆ แต่ยังคงเป็นบวก

จำนวน User ที่ซื้อสินค้าต่อปี

U1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2014 – 2020 จำนวน user ที่ซื้อสินค้าทั้ง อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่น่าสนใจคือ สินค้าพวก อาหารและเครื่องดื่ม มีจำนวน User เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2014 ถึง 2020 เป็นไปได้ว่าลูกค้ามีความนิยมที่จะซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านทางออนไลน์แทนที่จะไปซื้อถึงที่ร้าน

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ในการซื้อสินค้าต่อปี (Average revenue per user)

A1

กราฟก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่ามีจำนวน User ต่อปีที่เท่าไรที่ซื้อสินค้า คราวนี้มาดูว่าแต่ละ User มีการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง

จากกราฟด้านบนตั้งแต่ปี 2014-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ที่ซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากปี 2014 จนถึงปี 2020 เพิ่มขึ้นมา 2 เท่าตัว ส่วนสินค้าเครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในแต่ละปี

อัตราการเติบโตของภาคสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์ส่งผลให้มูลค่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ มาจากอัตราการเข้าถึงของผู้ใช้ Internet ในประเทศเพิ่มมากขึ้นและอุปกรณ์ IT ต่างๆ มีราคาลดลงและคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y,Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในการผลักดัน E-Commerce ในอนาคต

Picture Credit: www.statista.com/

_______________________________________________________________________

ไปต่อกับบทความ ยอดขาย  E-Commerce ในประเทศไทยแยกตามภาคธุรกิจ

_______________________________________________________________________

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 0 Continue Reading →

ช่องทางการชำระเงินออนไลน์ระดับ B2B

ในบทความนี้เราจะมาดูว่าระดับลูกค้า B2B เลือกการชำระเงินออนไลน์แบบไหนมากกว่ากัน

b2bPayment

Source: Forrester Consulting, on behalf of Accenture and hybris Software

อันดับหนึ่ง 50%  นิยมการชำระเงินแบบ credit หรือ debit ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและมีความปลอดภัยระดับสูง น่าเชื่อถือ สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดๆได้ ได้คะแนนสะสมในการชำระเงิน จึงไม่น่าแปลกที่ลูกค้าระดับ ฺB2B จะเลือกช่องทางนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง

อันดับสอง 28% ยังคงเป็นลักษณะ traditional โดยการส่งคำสั่งซื้อ(PO)และใบแจ้งหนี้ ต่อไปลักษณะแบบนี้จะเริ่มถดถอยลงไปและเปลี่ยนไปใช้แบบเอกสาร digital โดยมีการใช้ digital signature มาแทน

อันดับสาม 19% ชำระผ่านผู้ให้บริการการชำระเงิน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเนื่องจากมีหลากหลายช่องทางให้ชำระเงิน โดยผู้ให้บริการจะเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราต่างๆ ของแต่ละช่องทาง ในต่างประเทศผู้ให้บริการที่เป็นที่นิยม คงนี้ไม่พ้น PayPal, Google Wallet, 2CheckOut ส่วนในประเทศไทยก็มีผู้ให้บริการมากมาย เช่น paysbuy,line pay,pay@all,omise,123 payment service เป็นต้น

อันดับสี่  3% จัดซื้อผ่านออนไลน์ โดยนำขบวนการจัดซื้อทั้งหมดตั้งแต่มี RFQ (request for quotation) ออกใบ PO การชำระเงิน จนไปถึงออก invoice ทุกขบวนการอยู่บนออนไลน์ทั้งสิ้น ซึ่งลักษณะแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ผู้ขายทำแค่ catalog สินค้าวางลงบน marketplace ระบบจะทำการประมวลผลและส่งข้อมูลสินค้าไปยังผู้ซื้อและเริ่มดำเนินการจัดซื้อกัน เป็นความสะดวกและน่าเชื่อถือ โมเดลนี้ Alibaba ได้นำมาใช้และสามารถเพิ่มยอดขายให้กับทางผู้ขายได้จำนวนมหาศาลเลยทีเดียว

“From concept to Commerce

   “Can it really happen in less than 120 days ?”

        Cost-Effectively And Better Online store are made with Our Stream Solution.

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

 

0 0 Continue Reading →

Facebook Shop ฟีเจอร์ใหม่ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรทราบ

Facebook - Shop

สวัสดีครับ หลังจากที่เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน  TeCS: Thailand eCommerce Summit 2016  ที่จัดขึ้นเมื่อวัน พุธ ที่ 22 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556  ที่ Grand Hyatt Erawan Hotel, กทม.  ภายในงานก็จะมีการเชิญเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce ของเมืองไทยมาพูดคุยแลกเปลี่ยนแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้เกิดผลสำเร็จ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ  ได้แก่ Conference Room, Workshop Room  หากใครที่ยังไม่เข้าไปในห้องก็สามารถเดินดูบูธของบริษัทต่างๆ ที่นำสินค้าของตัวเองมาจัดแสดง และสามารถถามข้อสงสัยกับเจ้าหน้าที่ประจำบูทได้  แต่ในบทความนี้เราจะขอพูดถึง  Workshop Room

Workshop Room จะเป็นห้องเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce มาแนะนำและแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ปฏิบัติมาจนทำให้เกิดความสำเร็จกับธุริจในปัจจุบัน ซึ่งจะมี Workshop  อยู่มากมาย แต่เราจะขอพูดถึง Workshop  ที่เป็น Session  ของ Facebook ครับ ซึ่งเขาจะพูดเกี่ยวกับเนื้อหาของ Social Commerce (S-Commerce) และ Elevate your sales with the new facebook page shop ซึ่งเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ  สำหรับ Social Commerce  เราจะไม่ขอยกมาพูดในบทนี้ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้จาก [ Blog ของคุณ Thanakrit Promsiri คลิกเพื่ออ่าน ]


Facebook Shop ?

 

shop

ตอนนี้เทรนตลาด eCommerce กำลังมาแรงครับ  Facebook ได้พัฒนา New Feature สำคัญที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้า ขายของบน Facebook ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งเดิมที่จะสามารถเปิด  Fan page, Group  เพื่อขายสินค้าออนไลน์  เมื่อได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก  Facebook จึงได้ขยับมาเล่นในตลาดแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มตัว  จึงพัฒนาระบบดูแล page,group ที่มีประสิทธิภาพคือ  Facebook Shop  จัดเป็นกลุ่ม  Facebook for Business  ซึ่งเสริมฟังก์ชั่นให้ Facebook group, Fanpage ให้สามารถประกาศขายของภายในกลุ่มได้ และสามารถเลือกสั่งซื้อสินค้าและส่ง message ถึงเจ้าของร้านค้าได้อย่างง่ายดายครับ  จะมีเมนู  Shop  แสดงขึ้นมาที่  facebook fan page ครับ

 

Facebook Shop มีจุดเด่นอย่างไร ?

faceboo-shop
1. หมดปัญหาโพสต์ใหม่ดันโพสต์เก่าลงไปข้างล่าง การโพสต์ผ่าน “เมนู Shop” จะทำใช้ลูกค้าเห็นสินค้าในลักษณะแคทตาล็อกอยู่บนสุดของเพจอยู่เสมอ แล้วใช้วิธีสไลด์ภาพสินค้าจากซ้ายไปขวา ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในการสไลด์ดูรูปบน Facebook อยู่แล้ว

2. ในแคตาล็อกสินค้า มีปุ่มให้ Message หาผู้ขายได้โดยตรง ทำให้เพิ่มโอกาสลูกค้าติดต่อเข้ามาที่ร้านโดยตรงมากขึ้น โอกาสขายสินค้าเพิ่มก็มีมากขึ้น

3. โฆษณาสินค้าได้น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อนจะต้องลงแรงทำ Boost Post กันหน่อย

4. วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าง่ายขึ้น – การลงโฆษณาด้วยโพสต์แบบ “เมนู Shop” จะทำให้เจ้าของร้านเห็น Insight หรือข้อมูลสติถิทางพฤติกรรมได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่าสินค้าตัวไหนในแคทตาล็อกได้รับความสนใจมากที่สุด ตัวไหนทำให้คนตัดสินใจทักข้อความมาหาเจ้าของร้านมากที่สุด เป็นต้น

 

Add Shop menu  ให้กับ  Facebook  กันดีกว่า

 add-shop-facebook

  1. ในเพจจะมีปุ่มคำว่า “+ Add Shop Section”  ที่มุมขวาบนของเพจ หากต้องการเพิ่ม Shop ก็สามารถคลิกเข้าไปได้เลยเลยครับ จากนั้นจะมี Pop up  แสดงขึ้นมา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม  Add Shop Section
  2. จากนั้นเพิ่มสินค้าให้กับ Shop ครับ
    add product to shop
  3. ภายใน Shop ของเราก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายแล้วครับ
    macbook proเขียนและเรียบเรียงโดย
    Prawit Saraphan
0 0 Continue Reading →

การตั้งค่า Shipping method ใน Magento 2

Magento 2 นั้น เราสามารถตั้งค่า rate การจัดส่งสินค้าได้ ทั้งหมด 4 แบบ

  1. Free Shipping
  2. Flat Rate
  3. Table Rates
  4. Dimensional Weight

 

อันแรกที่จะอธิบายคือการตั้งค่าแบบ Free Shipping เราสามาถตั้งค่าเพื่อดึงดูดลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน แล้วส่วนมากลูกค้าก็จะชอบเงื่อนไขแบบนี้มาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อสินค้าครบ  500 บาท ค่าจัดส่งสินค้าฟรี เป็นต้น

ขั้นตอนแรกในการตั้งค่า Free Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Free Shipping
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • ตั้งชื่อ Title
  • หลังจากเพิ่ม Title แล้วก็ต้องใส่ Method Name เข้าไปด้วย
  • กำหนด Minimum Order Amount
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. กรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ไปที่ Save Config

 

1

2

 

2. Flat Rate Shipping 

เจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์สามารถ fix ค่า ของการจัดส่งสินค้าในสินค้าแต่ละอันได้

ขั้นตอนในการกำหนดค่า Flat Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Flat Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name
  • Type ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของร้านเองเลยว่าจะกำหนด รูปแบบของ Type เป็น Per Order หรือ Per Item
  • ตั้งราคาที่เจ้าของร้านต้องการจะเก็บค่าขนส่งสินค้าจากลูกค้า
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

3

5

3.Table Rate Shipping

การคิดค่าขนส่งแบบ Table rate จะเป็นการคิดค่าขนส่งตามน้ำหนัก, ปลายทางที่ส่ง หรือ ราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ

ขั้นตอนการตั้งค่า Table Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Table Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name ชื่อที่ตั้งนี้จะไปแสดงที่หน้า Checkout ด้วย
  • ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือเลือกคำนวณค่าจัดส่ง การคำนวณค่าจัดส่งจะถูกแบ่งเป็น 3 วิธีที่แตกต่างกัน
  • 1. Weight VS Destination
  • 2. Price VS Destination
  • 3. No. of Items VS Destination
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

7

8

 

4. Dimensional Weight

วิธีการนี้คือการคิดค่าขนส่งสินค้าตาม rate ของบริษัทส่งสินค้า เช่น FedEx ,DHL, UPS

สุดท้ายนี้ในการกำหนดค่าshipping method สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ magento 2 ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ function ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้าของคุณ ผู้เขียนได้ทดลองใช้ shipping method ระหว่าง magento 1 และ magento 2 ผู้เขียนได้เห็นว่ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในเรื่องของ interface แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบ interface ของ magento 2 มากกว่า

Kanyarat Povorasin

0 0 Continue Reading →

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

            ในบทความนี้เราจะเจาะมูลค่ายอดขายของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1.Consumer electronic ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวกอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย เช่น TV, Notebook, Laptops, Smartphone, Tablet  ในกลุ่มนี้เราจะเห็นว่ามีการแข่งขันกันหลายเจ้าที่โด่งดังในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น J.I.B. , Advice, BaNANA IT, IT City, AIS, True, Dtac ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด

2.Physical media ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวก หนังสือ,DVD ,CD ,Blu-ray Disc ซึ่งในกลุ่มนี้มีผู้เล่นหลายเจ้า เช่น ร้านนายอินทร์, Se-ed, B2S ,ร้านหนังสือจุฬา เป็นต้น

เรามาดูว่ายอดขายประมาณการณ์ของภาคธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2014-2020 เป็นอย่างไร

R1

*ข้อมูลมูลค่ายอดขายนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสำรวจจากการซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้ (physical goods) และมีลักษณะ B2C ที่มีการซื้อขายผ่าน คอมพิวเตอร์ และ Mobile Devices

จากรูปด้านบน ภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่าน E-Commerce ในประเทศไทยของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าสูงถึง 1,076 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 37,660 ล้านบาท และในปี 2015 ที่ผ่านมา 40,775 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 8.3%  ในปี 2016 คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2014 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1,909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 66,815 ล้านบาท ในภาคธุรกิจนี้มีปริมาณยอดขายที่สูงที่สุดของ E-Commerce

 

อัตราการเติบโตยอดขายภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์(คิดเป็น%)

G1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2015 – 2020 สินค้าจำพวก Consumer electronic พุ่งจากปี 2015 ถึง 21.9% แต่จะแผวลงในปีต่อๆไป แต่ยังคงเป็นบวกอยู่ ในทางกลับกัน สินค้าพวก Physical media จากปี 2015 ตกลงไปเหลือ 3.9% แต่ในปีต่อๆไปเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก

จำนวน User ที่ซื้อสินค้าต่อปี

U1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2014 – 2020 จำนวน user ที่ซื้อสินค้าทั้ง Consumer electronic และ Physical media เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่น่าสนใจคือ สินค้าพวก Physical media มีจำนวน User เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2014 ถึง 2020 เป็นไปได้ว่าลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมจากการอ่านพวก Hard Copy มาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้จากธุรกิจนิตยสาร image ได้เปลี่ยนจากหนังสือนิตยสารมาเป็น e-magazine อย่างเต็มตัวเพื่อตอบพฤติกรรมของลูกค้า

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ในการซื้อสินค้าต่อปี (Average revenue per user)

A1

กราฟก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่ามีจำนวน User ต่อปีที่เท่าไรที่ซื้อสินค้า คราวนี้มาดูว่าแต่ละ User มีการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง

จากกราฟด้านบนตั้งแต่ปี 2014-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ที่ซื้อสินค้า Consumer electronic แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยจะอยู่ในช่วง 3,500 – 4,000 บาท ซึ่งคล้ายคลึงกับสินค้า Physical media ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนเช่นกัน อยู่ประมาณ 1,100 บาท

อัตราการเติบโตของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้มูลค่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ มาจากผู้ใช้สามารถเข้าถึง Internet ในประเทศเพิ่มมากขึ้นและอุปกรณ์ IT ต่างๆ มีราคาลดลงและคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y,Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในการผลักดัน E-Commerce ในอนาคต

Picture Credit: www.statista.com/

_______________________________________________________________________

ไปต่อกับบทความ ยอดขาย  E-Commerce ในประเทศไทยแยกตามภาคธุรกิจ

_______________________________________________________________________

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

 

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 1 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save