Skip to Content

Blog Archives

ถอด Test Script ให้เป็น Robot Script (Robot Framework)

หลังจากที่ทำความเข้าใจกับ Requirement ของระบบงานแล้ว ต่อมา ก็คือการเขียน Test script พอเขียนเสร็จ ก็จะเป็นขั้นตอนของการลงมือ Test ระบบตาม Step ที่เขียนใน Test script ซีงในส่วนของวิธีการที่ทำจะ Test ก็แล้วแต่ว่า Case ไหนเราสามารถทำ Automate test ได้ หรือ Case ไหนที่เราควร Manual Test

โดยในบทความนี้เราจะกล่าวถึงการทำ Automate Test โดยใช้ Robot framework ค่ะ

          “ Robot Framework คือซอฟต์แวร์ Open Source ที่ใช้สำหรับการทำ Acceptance Testing และ ATDD (Acceptance Test-Driven Development) โดยมีรูปแบบ Syntax ที่เป็นภาษาเขียนธรรมดาทำให้การ Test ระบบไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ”

 

ตัวอย่างประโยคในการเขียน Test Script

Case 1 : ลงชื่อเข้าสู่ระบบ Facebook  กรณีระบุ Username  และ Password ถูกต้อง ระบบจะแสดงหน้าหลักของเว็บไซต์ Facebook

11

 

จากตัวอย่าง case ข้างต้นเราก็จะเห็น Process การทำงานที่เรียงเป็นลำดับได้ดังนี้

12

 

จาก Process ดังกล่าว เราสามารถนำมาเขียนเป็น Script ใน Robot framework ได้ดังนี้

  1. เริ่มที่การวางโครงสร้างโดยใน sublime สามารถเรียกโครงสร้างของ Robot ได้โดยคลิกขวา > Robot Framework > Snippets

ก็จะปรากฎโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของ Robot ให้เลือกโดยที่เราไม่ต้องพิมพ์เองเลย

13

          บันทึกไฟล์ชื่อ case-1-facebook-login.txt ไว้ในโฟล์เดอร์ที่ต้องการ

14

  1. เมื่อสร้างโครงสร้างเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเขียน Test case ได้เลย ในกรอบสี่เหลี่ยมสีชมพูคือคีย์เวิร์ด ที่สั่งให้สคริปทำงานนั่นเองค่ะ สามารถเข้าไปดู Keyword ใน Selenium2Library ได้ที่นี่

15

คำอธิบาย :

Note : ช่องว่างระหว่าง Keyword กับ Argument ต้องห่างกัน 2 วรรคขึ้นไป ไม่เช่นนั้น Robot จะถือว่าเป็น Keyword เดียวกัน

 

  • Open Browser https://www.facebook.com/    gc

คำสั่งเปิดเว็บไซต์ facebook  จากตัวอย่างจะเขียนตามด้วย  gc  คือจะเป็นการกำหนดเว็บบราวเซอร์เปิดโดยเว็บบราวเซอร์ Google Chrome แต่ถ้าไม่มีการกำหนด ก็จะเปิดเว็บไซต์ด้วย Default web browser นั่นคือ Firefox

  • Wait Until Page Contains โลโก้ Facebook

Wait Until Page Contains เป็นคำสั่งที่ตรวจสอบว่า เจอสิ่งที่เราคาดหวังหรือไม่ จากตัวอย่างคือ เมื่อเปิดเว็บไซต์ facebook ขึ้นมาจะต้องเจอ “โลโก้ Facebook” ซึ่งสิ่งที่เราคาดหวังเราจะหาได้โดยการกด inspec ในหน้าเว็บไซต์

16

          ทั้งนี้สิ่งที่เราคาดหวังอาจจะเป็นได้ทั้งข้อความ, รูปภาพ, Text box หรือ Element อื่น ๆ ก็ได้ แต่ Wait Until Page Contains จะใช้ในกรณีสิ่งที่เราคาดหวังเป็น Text เท่านั้น ถ้าสิ่งที่เราคาดหวังเป็นรูปภาพอาจจะใช้คีย์เวิร์ดอื่นแทน เช่น

Wait Until Page Contains Element    <<Element locator>>

          ซึ่ง Element locator ได้แก่

17

เป็นคำสั่งให้กรอกค่าลงไปใน Text box หรือ Text area ซึ่งระบุ Text box ที่ต้องการให้กรอกด้วย Element locator นั่นเอง

  • Input Password pass    xxx

คำสั่งนี้ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ Input Text แต่ค่าข้อมูลที่ระบุลงไปจะเป็นลักษณะของการกรอก Password

18

  • Click Button เข้าสู่ระบบ

เป็นคำสั่งให้คลิกปุ่ม

  • Wait Until Page Contains หน้าหลัก

ตรวจสอบว่าเมื่อคลิกปุ่มเข้าสู่ระบบแล้ว หากกรอกอีเมล์และรหัสผ่านถูกต้อง ระบบจะแสดงหน้าหลักของ Facebok

  • Close Browser

คำสั่งปิดบราวเซอร์ เมื่อเสร็จสิ้นการทำงาน

  1. หลังจากที่เราทำการเขียนครบทุกคีย์เวิร์ดแล้ว กดบันทึกอีกครั้งแล้วทำการรันโดยกด Ctrl+B Robot ก็จะทำงานโดยเริ่มจากคีย์เวิร์ดในบรรทัดแรกไปจนถึงบรรทัดสุดท้าย

19

20

เมื่อรันเสร็จสิ้น Sublime จะแสดงผลการรันดังนี้

21

 

นอกจากนี้ตัว Robot framework ก็จะ Generate Log file หลังจากที่เสร็จสิ้นการรันเป็น .html ไฟล์ ในโฟล์เดอร์เดียวกับไฟล์ .txt ของเราด้วยซึ่งจะมีลักษณะดังนี้

22

 

Note: คีย์เวิร์ด “Wait Until Page Contain” หรือ “Wait …”  เป็นคีย์เวิร์ดที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีหลังจากที่เกิดการกระทำกับระบบที่เราทำการ Test เช่น Mouse action ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นการกำหนดว่า พอเกิดการกระทำจากคำสั่งใด ๆ แล้วผลลัพธ์เมื่อการกระทำนั้นเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Quality Assurance

 

0 6 Continue Reading →

การติดตั้ง Robot Framework

หลังจากที่ได้รู้จักกับ Robot Framework เบื้องไปแล้วจากบทความ มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น  ในบทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนของการติดตั้งตัว Robot Framework กันนะคะ

สิ่งที่ต้องมี

  • Python version 2.xx เท่านั้น (Robot Framework ยังไม่รองรับเวอร์ชั่นที่สูงกว่า)
  • Get-pip.py
  • Sublime Text version 2 หรือ 3
  • Web Browser : Firefox

 

ขั้นตอนการติดตั้ง

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง Python

เข้าไปดาวน์โหลด Python ได้ที่ https://www.python.org/download/releases/2.7.8/  หลังจากนั้นทำการติดตั้ง

  1. หลังจากนั้นทำการเซ็ต Path ของ Python ตามขั้นตอนต่อไปนี้

2.1 คลิกขวาที่ Computer

2.2 เลือก Properties

2.3 ปรากฎหน้า Advanced system settings

2.4 Environment Variables..

2.5 เลือก System Variables แล้วเลือก Path

2.6 คลิกปุ่ม Edit

2.7 จากนั้นทำการเพิ่ม Path “C:\Python27\;C:\Python27\Scripts\” ลงไป

1

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง get-pip.py

3.1 ทำการดาวน์โหลด get-pip.py จาก  https://bootstrap.pypa.io/get-pip.py

3.2 หลังจากได้ไฟล์ get-pip.py แล้ว คัดลอกไฟล์ไปไว้ในโฟล์เดอร์ที่ต้องการติดตั้ง

3.3 ทำการติดตั้งโดยเข้าไปในโฟล์เดอร์ที่เก็บไฟล์ get-pip.py  ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ก็จะเป็นการเริ่มติดตั้ง

3.4 เปิด cmd (command prompt) เพื่อตรวจสอบเวอร์ชันของ pip ที่ทำการติดตั้ง โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้

pip –version

2

  1. ทำการติดตั้ง Robot Framework ผ่าน pip โดยพิมพ์คำสั่ง

 

pip install robotframework

  1. ทดสอบว่าติดตั้งสำเร็จและสามารถใช้งานได้ โดยพิมพ์คำสั่ง

 

pybot –version

3

  1. ติดตั้ง Library ที่จะใช้งาน โดยในที่นี้เราจะใช้งาน Selenium ก็สามารถติดตั้งโดยใช้คำสั่งต่อไปนี้

 

pip install robotframework-selenium2library

 

  1. ติดตั้ง Sublime Text Editor

7.1 ติดตั้ง Sublime Text เวอร์ชัน 2 หรือ 3 ในที่นี้เราจะติดตั้งเวอร์ชัน 2

7.2 ติดตั้ง Package Control โดยเข้าไปคัดลอกซอร์สโค๊ดจาก   https://sublime.wbond.net/installation#st2

6

        7.3 เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ทำการเปิดโปรแกรม Sublime Text ขึ้นมา จากนั้นเลือก View เลือก Show Console จากนั้นนำซอร์สโค๊ดที่คัดลอกไว้ใน 7.2 มาวางใน Console รอให้มันทำการติดตั้ง Package Control สักครู่

8

        7.4 หลังจากนั้น ทำการปิดโปรแกรม Sublime แล้วเปิดอีกครั้ง เพื่อเป็นการ Restart โปรแกรม

7.5 เมื่อ Restart Sublime เรียบร้อยแล้วขั้นตอนสุดท้าย คือการ install package Robot Framework เพื่อสามารถรันผ่าน Sublime ไปที่ Preferance > Package Control

4

จากนั้นพิมพ์คำว่า install เลือก install package

5

พิมพ์ Robot Framework

9

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Quality Assurance

 

 

0 0 Continue Reading →

Code Smell & Refactoring ตอนที่ 2

Code Smell & Refactoring ตอนที่ 2
จากครั้งที่แล้ว เรารู้จักความหมายของ Code Smell และ Refactoring กันแล้วนะครับ
วันนี้ Stream Magento ทีม Code คุณภาพ  มาพูดถึง Code Smell ในแต่ละชนิดกันครับ หากเรารู้ว่า Code Smell มีลักษณะอย่างไร เราก็จะป้องกันการเกิด Code Smell ได้ตั้งแต่ต้น และสามารถรู้จุดที่จะ Refactoring ให้ Code มีคุณภาพได้ครับ และอย่างไรก็ตามการใช้ Unit Testing Framework ตั้งแต่ต้นก็จะสามารถ Refactoring ได้ง่ายและปลอดภัย

ในครั้งนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับประเภทของ Code Smell กันก่อนนะครับ เพื่อให้เข้าใจในภาพกว้างก่อนที่จะรายละเอียด Code Smell มีการแบ่งประเภทไว้ใหญ่ๆ  5 ประเภท

1. Code Smell แบบบวมๆ(Bloaters)

pic-of-david-and-goliath

Bloaters ในที่นี้ มีนัยยะความหมายว่า ป่อง บวม พอง อะไรประมาณนี้ครับ และอีกความหมายหนึ่ง คือ ปลาเค็ม ซึ่งอาจจะเข้ากับความหมาย Code Smell ในเรื่องของกลิ่น มีตำนานของชาวยิวเรื่อง  เดวิดกับโกไลแอธ ในตำนานกล่าวถึง สงครามระหว่างชาวยิวและชาวฟิลิสไทน์ ในทัพฟิลิสไทน์ มีทหารตัวใหญ่ยักษ์พร้อมเกราะป้องกันและอาวุธครบมือ ชื่อว่า โกไลแอธ ไม่มีทหารยิวหน้าไหนกล้าต่อกร จนเดวิดเด็กหนุ่มเลี้ยงแกะชาวยิว อาสาสู้ศึกฟิลิสไทน์ โดยใช้เพียงก้อนหินและเชือกสลิง และชนะโกไลแอธด้วยการเหวี่ยงหิน กระแทกแสกกลางหน้าผากโกไลแอธจนสลบ จากนั้นก็ใช้ดาบของโกไลแอธตัดหัวโกไลแอธออกมา เห็นอะไรจากตำนานเรื่องนี้บ้างครับท่านผู้อ่าน

Bloaters  คือลักษณะของ Code, Method และ  Class ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานหลายๆอย่างเสร็จสรรพในตัวมันเอง ลักษณะเหล่านี้ในระยะการเขียนโปรแกรมแรกๆอาจยังไม่ปรากฏขึ้น  แต่จะเกิดจากการเขียนส่วนเพิ่มเติมเข้าไป หรือขาดการวางโครงสร้างที่ดี และลักษณะ Bloaters  มีแนวโน้มสะสมโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเกิดผลเสียขึ้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขทำได้ยากเนื่องจาก อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนอื่นๆอีก มีความซับซ้อนมาก หรือถ้าพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายหลังทำให้ระบบพังเลยก็มี ดังนั้นในส่วนนี้จึงไม่มีใครอยากจะยุ่งเท่าไรนัก เป็นไปได้ว่า Code, Method และ  Class ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานหลายๆอย่างเสร็จสรรพในตัวมันเอง แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ล้มเหลวหลายๆอย่างด้วยตัวมันเองได้เช่นกันครับ

2. Code Smell แบบใช้ OO  แบบผิดๆ(Object-Orientation Abusers)

use-your-tools

วิธีการหรือแนวทางการเขียนโปรแกรม แม้จะมีหลากหลายแบบตามการใช้งาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( Object-oriented programming, OOP) ได้รับความนิยมนำมาพัฒนาในงานธุรกิจเป็นอย่างมาก OOP คือรูปแบบการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ให้ความสำคัญกับ วัตถุ ซึ่งสามารถนำมาประกอบกันและนำมาทำงานรวมกันได้ โดยการแลกเปลี่ยนข่าวสารเพื่อนำมาประมวลผลและส่งข่าวสารที่ได้ไปให้ วัตถุ อื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทำงานต่อไป โดยหลักการ OO มีหลักการขั้นตอนที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล แต่ก็ไม่แปลกที่มีการละเมิดหลักการเหล่านั้น หรือการใช้งานแบบผิด เนื่องจากผู้เขียนเองไม่ทราบหลักการนั้นๆ หรือขี้เกียจ หรือสุดแท้แล้วแต่เหตุผล ดังนั้น Object-Orientation Abusers ก็คือ โปรแกรมที่ไม่สมบูรณ์ตามหลักการ หรือผิดหลักการการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุนั้นเองครับ

เนื้อหาชักจะมากเกินไป ครั้งนี้เอาไว้เพียงแค่นี้ก่อน ในครั้งต่อ ๆ ไปเราจะมาพูดถึง Code Smell 3 ประเภท  ที่เหลือนะครับ

Stream Magento ทีม Code คุณภาพ

Sources

  • Refactoring: Improving the Design of Existing Code – Martin Fowler
  • Mäntylä, M. V. and Lassenius, C. “Subjective Evaluation of Software Evolvability Using Code Smells: An Empirical Study”. Journal of Empirical Software Engineering, vol. 11, no. 3, 2006, pp. 395-431.
0 0 Continue Reading →

การตั้งค่า Shipping method ใน Magento 2

Magento 2 นั้น เราสามารถตั้งค่า rate การจัดส่งสินค้าได้ ทั้งหมด 4 แบบ

  1. Free Shipping
  2. Flat Rate
  3. Table Rates
  4. Dimensional Weight

 

อันแรกที่จะอธิบายคือการตั้งค่าแบบ Free Shipping เราสามาถตั้งค่าเพื่อดึงดูดลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน แล้วส่วนมากลูกค้าก็จะชอบเงื่อนไขแบบนี้มาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อสินค้าครบ  500 บาท ค่าจัดส่งสินค้าฟรี เป็นต้น

ขั้นตอนแรกในการตั้งค่า Free Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Free Shipping
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • ตั้งชื่อ Title
  • หลังจากเพิ่ม Title แล้วก็ต้องใส่ Method Name เข้าไปด้วย
  • กำหนด Minimum Order Amount
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. กรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ไปที่ Save Config

 

1

2

 

2. Flat Rate Shipping 

เจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์สามารถ fix ค่า ของการจัดส่งสินค้าในสินค้าแต่ละอันได้

ขั้นตอนในการกำหนดค่า Flat Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Flat Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name
  • Type ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของร้านเองเลยว่าจะกำหนด รูปแบบของ Type เป็น Per Order หรือ Per Item
  • ตั้งราคาที่เจ้าของร้านต้องการจะเก็บค่าขนส่งสินค้าจากลูกค้า
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

3

5

3.Table Rate Shipping

การคิดค่าขนส่งแบบ Table rate จะเป็นการคิดค่าขนส่งตามน้ำหนัก, ปลายทางที่ส่ง หรือ ราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ

ขั้นตอนการตั้งค่า Table Rate Shipping

  1. ไปที่ Stores -> Configuration-> Sale -> Shipping Methods -> Table Rate
  2. ตั้งค่า Enable เป็น Yes
  • กรอก Method name ชื่อที่ตั้งนี้จะไปแสดงที่หน้า Checkout ด้วย
  • ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือเลือกคำนวณค่าจัดส่ง การคำนวณค่าจัดส่งจะถูกแบ่งเป็น 3 วิธีที่แตกต่างกัน
  • 1. Weight VS Destination
  • 2. Price VS Destination
  • 3. No. of Items VS Destination
  • ในการคำนวนค่าธรรมเนียมค่าจัดส่งสินค้า Calculate Handing Fee สามารถกำหนดเป็นค่าคงที่ไปเลยก็ได้หรือจะกำหนดให้คิดเป็น Percent ก็ได้
  • ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดเราสามารถกำหนดข้อความที่ต้องการแสดงได้ผ่านทาง Displayed Error Message
  • กำหนดพื้นที่การจัดส่งได้ว่าจะเลือกอนุญาตทุกประเทศเลยหรือเลือกเฉพาะบางประเทศ(All Allow Countries or Specific Countries)
  1. โดยกรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้มาแล้ว กด Save config

 

7

8

 

4. Dimensional Weight

วิธีการนี้คือการคิดค่าขนส่งสินค้าตาม rate ของบริษัทส่งสินค้า เช่น FedEx ,DHL, UPS

สุดท้ายนี้ในการกำหนดค่าshipping method สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ magento 2 ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ function ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้าของคุณ ผู้เขียนได้ทดลองใช้ shipping method ระหว่าง magento 1 และ magento 2 ผู้เขียนได้เห็นว่ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในเรื่องของ interface แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบ interface ของ magento 2 มากกว่า

Kanyarat Povorasin

0 0 Continue Reading →

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

            ในบทความนี้เราจะเจาะมูลค่ายอดขายของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1.Consumer electronic ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวกอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย เช่น TV, Notebook, Laptops, Smartphone, Tablet  ในกลุ่มนี้เราจะเห็นว่ามีการแข่งขันกันหลายเจ้าที่โด่งดังในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น J.I.B. , Advice, BaNANA IT, IT City, AIS, True, Dtac ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด

2.Physical media ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวก หนังสือ,DVD ,CD ,Blu-ray Disc ซึ่งในกลุ่มนี้มีผู้เล่นหลายเจ้า เช่น ร้านนายอินทร์, Se-ed, B2S ,ร้านหนังสือจุฬา เป็นต้น

เรามาดูว่ายอดขายประมาณการณ์ของภาคธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2014-2020 เป็นอย่างไร

R1

*ข้อมูลมูลค่ายอดขายนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสำรวจจากการซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้ (physical goods) และมีลักษณะ B2C ที่มีการซื้อขายผ่าน คอมพิวเตอร์ และ Mobile Devices

จากรูปด้านบน ภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่าน E-Commerce ในประเทศไทยของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าสูงถึง 1,076 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 37,660 ล้านบาท และในปี 2015 ที่ผ่านมา 40,775 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 8.3%  ในปี 2016 คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2014 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1,909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 66,815 ล้านบาท ในภาคธุรกิจนี้มีปริมาณยอดขายที่สูงที่สุดของ E-Commerce

 

อัตราการเติบโตยอดขายภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์(คิดเป็น%)

G1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2015 – 2020 สินค้าจำพวก Consumer electronic พุ่งจากปี 2015 ถึง 21.9% แต่จะแผวลงในปีต่อๆไป แต่ยังคงเป็นบวกอยู่ ในทางกลับกัน สินค้าพวก Physical media จากปี 2015 ตกลงไปเหลือ 3.9% แต่ในปีต่อๆไปเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก

จำนวน User ที่ซื้อสินค้าต่อปี

U1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2014 – 2020 จำนวน user ที่ซื้อสินค้าทั้ง Consumer electronic และ Physical media เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่น่าสนใจคือ สินค้าพวก Physical media มีจำนวน User เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2014 ถึง 2020 เป็นไปได้ว่าลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมจากการอ่านพวก Hard Copy มาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้จากธุรกิจนิตยสาร image ได้เปลี่ยนจากหนังสือนิตยสารมาเป็น e-magazine อย่างเต็มตัวเพื่อตอบพฤติกรรมของลูกค้า

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ในการซื้อสินค้าต่อปี (Average revenue per user)

A1

กราฟก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่ามีจำนวน User ต่อปีที่เท่าไรที่ซื้อสินค้า คราวนี้มาดูว่าแต่ละ User มีการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง

จากกราฟด้านบนตั้งแต่ปี 2014-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ที่ซื้อสินค้า Consumer electronic แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยจะอยู่ในช่วง 3,500 – 4,000 บาท ซึ่งคล้ายคลึงกับสินค้า Physical media ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนเช่นกัน อยู่ประมาณ 1,100 บาท

อัตราการเติบโตของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้มูลค่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ มาจากผู้ใช้สามารถเข้าถึง Internet ในประเทศเพิ่มมากขึ้นและอุปกรณ์ IT ต่างๆ มีราคาลดลงและคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y,Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในการผลักดัน E-Commerce ในอนาคต

Picture Credit: www.statista.com/

_______________________________________________________________________

ไปต่อกับบทความ ยอดขาย  E-Commerce ในประเทศไทยแยกตามภาคธุรกิจ

_______________________________________________________________________

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

 

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 1 Continue Reading →

TeCS 2016 : “How to engage your customers with facebook and line”
By 425Degree.com

11

          จากงาน TeCS : Thailand eCommerce Summit 2016 จัดที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีธุรกิจ eCommerce ชั้นนำมากมายที่เข้ามาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง และแนวคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจอย่าง 425Degree.com เว็บไซต์จำหน่ายเคสโทรศัพท์และ Accesseries อื่น ๆ  ซึ่งมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน Social Network อย่าง Facebook และ Line โดยคุณ Vee Lertsaroj ทีมาพูดคุย Workshop ในหัวข้อ “How to Engage your Customers with Facebook and Line” ทั้งนี้คุณ Vee ได้พูดถึงแนวคิดที่น่าสนใจในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชมสินค้าใน Facebook Fanpage และทำอย่างไรไม่ให้เกิดการ Reject Page

 

คุณ Vee กล่าวว่า “Bad content is Picture and price

การขายแบบ Hard sale ถือว่าเป็น Bad content เมื่อโพสต์ในลักษณะนี้มากเกินไป ลูกค้าจะรู้สึกเบื่อ ผลสุดท้าย ก็จะเกิดการ Reject page

12

          และยังพบว่า แนวโน้ม ความสนใจของลูกค้าต่อโพสต์ในเพจ วิเคราะห์จากยอดกดไลค์และกดแชร์โพสต์พบว่า

13

          หากโพสต์เนื้อหาข่าว หรือบทความที่น่าสนใจ จะมียอดไลค์และแชร์เป็นจำนวนมาก แต่หากโพสต์ในลักษณะของการขาย ยอดไลค์และแชร์จะน้อย ทั้งนี้ วิธีการโพสต์ของเพจ 425Degree คือการสอดแทรกความรู้และข่าวสารประจำวันอื่น ๆ หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้า เป็นการให้ข้อมูลความรู้แก่ลูกค้าไม่ให้ดูเป็น Hard sale มากเกินไป

และอีกหนึ่งจุดแข็งของเพจ 425Degree ก็คือ การทำวิดีโอรีวิวสินค้าแบบเจาะลึก ทำให้สินค้าดูมีความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ณ ขณะนี้มียอดกดติดตามเพจกว่า 1.3 ล้านคน!!

เรียกได้ว่าเป็นเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จด้วย Social Commerce อย่างแท้จริง

ชมบรรยากาศในงาน TeCS 2016 เพิ่มเติมได้ที่นี่

 

 

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ

Quality Assurance

 

 

0 0 Continue Reading →

สตรีมได้รับ Magento 2 Certificate ที่แรกของไทย!!!

Stream it passed the magento 2 training solution partner

บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด เป็น Partner หนึ่งเดียวของไทยที่ Magento กล้าการันตีว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญใน Magento e-commerce Platform และสตรีมได้รับ Magento 2 Training Certificate อย่างเป็นทางการ

  • เราคือผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนา Magento 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ถ้าคุณให้ทีมงานของเราพัฒนาระบบ e-commerce เพื่อใช้ในธุรกิจ  คุณจะได้ระบบที่มีคุณภาพ ใช้งานได้จริง และสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี
  • ลูกค้าส่วนใหญ่ได้ให้ความไว้วางใจเรา

Magento 2 Trained program ทำอะไรบ้าง?

Requirement:

1.Front End developer หนึ่งคน ต้องลงทะเบียนและเรียนรู้ในหัวข้อต่างๆของคอร์ส Core Principles for Theming in Magento 2.

2.Developer สองคน ต้องลงทะเบียนและ ดูทั้ง 5 Training module สำหรับ Fundamentals of Magento 2 Development ให้จบ.

Process:
– Developer จะต้องลงทะเบียนเรียนคอร์ส Fundamentals ของ Magento 2 ให้ครบทุกบท

-เราจะใช้ Developer หนึ่งคนในการลงทะเบียน Magento 2 Trained Partner จากหน้านี้ คลิกดูลิงค์เพิ่มเติม หลังจากเราได้เรียนบทเรียนครบหมดแล้ว ลงทะเบียนเสร็จเราจะสามารถเข้าถึงกิจกกรมผ่านทางMagento U

Course activities included
– Developer ที่ลงทะเบียนเรียนจะต้องทำแบบทดสอบให้เสร็จตรงตามที่กำหนดไว้ และทำการส่งให้ทางผู้จัดคอร์สเรียนเพื่อทำการตรวจต่อไป
– Developer ที่ลงทะเบียนทุกคนจะต้องทำแบบสำรวจความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเรียน Fundamentals ของ Magento 2 ให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละบท

 

Prawit SaraphanKanyarat Povorasin

เขียนโดย Magento Team @ Stream I.T Consulting Ltd.

0 0 Continue Reading →

“Real-Time Payments Breakfast Briefing” by Stream IT Consulting

IMG_2961

สตรีม ไอที คอนซัลติ้ง ร่วมกับพันธมิตร D+H

ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านระบบการชำระเงินมาตรฐานโลกให้กับทางธนาคารขนาดใหญ่
จัดงาน “Real-Time Payments Breakfast Briefing” ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2559
ณ โรงแรม St. Regis เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยี Global Pay Plus
สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจธนาคารไปสู่ภูมิภาคอื่นๆทั่วโล
การทำแซทเทิลเมนต์และคิดค่าธรรมเนียมการบริการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินแห่งชาติ
NPMS (National Payment  Message Standard) บนมาตราฐาน ISO20022
ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไท

งานนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคธนาคารต่างๆให้การตอบรับที่ดีและเข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น
โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทางการเงินมาแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้กับ
Singapore’ s Fast and Secure Transfers (FAST) และ Australia’ s New
Payments Platform (NPP) รวมถึงเทรนใหม่ๆของ Immediate Payments Globally
ที่จะเสริมศักยภาพด้านการชำระเงินให้กับ P2P, C2B, B2C, B2B, G2C/C2G
โดยใช้ Payment Modernization Platform จากทาง D+H และสตรีม ไอที
คอนซัลติ้งจะเป็นผู้สนับสนุนบริการตามมาตรฐานของธนาคารเพื่อผลักดันให้
ธนาคารในบ้านเราสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ต่อไป

ภาพบรรยากาศในงาน

0 2 Continue Reading →

How to install Magento CE 2 and Sample Data

How to install Magento CE 2 and Sample Data

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.06 PM

Magento Community Edition 2.0.2

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการติดตั้ง  Magento CE 2  ที่แสนง่ายดายนะครับ เมื่อไม่นานมานี้ทางผู้พัฒนา eCommerce  รายใหญ่อย่าง Magento  ได้ปล่อยซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดชื่อว่า Magento Community Edition 2.0  ให้ดาวโหลดแล้วในหน้า  เว็บไซต์ของ Magento  ซึ่งได้ออกแบบและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาใหม่ทั้งหมด ส่งผลดีต่อระบบคือ ความเร็วเพิ่มขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง ที่สำคัญคือเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่าเดิม จากนั้นก็พัฒนาแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในขณะใช้งานจากนักพัฒนาทั่วโลก ปรับให้รองรับการทำงานบน PHP 7 ทำให้มีการอัพเดทซอฟแวร์เป็นเวอร์ชั่น 2.0.1 และภายหลังอาทิตย์เดียวก็มีการออกเวอร์ชั่น 2.0.2  เพื่อแก้ไขปัญหาของการอัพเดท แต่ไม่ได้แก่ไขบัคใดๆ  ผมขอใช้เวอร์ชั่นล่าสุดในการติดตั้งนะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.31 PM

Guide line

 

  • เลือกวิธีการติดตั้งที่คุณต้องการ
  • เลือกติดตั้งแบบไหนดี ?
    การติดตั้ง Magento CE 2.0.2  สามารถเลือกติดตั้งได้ 2 วิธีไดเแก้
  • กรณีที่ไม่ติดตั้ง Sample Data  เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมีเพียงระบบเท่านั้น จะไม่มีตัวอย่างสินค้าในระบบครับ แต่วิธีการติดตั้งไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง  Command line ครับข้อดีคือ ไฟล์ดาวโหลดมีขนาดเล็ก
  • กรณีติดตั้ง Sample Data  ทดสอบที่ทางผู้พัฒนาให้มากับซอฟแวร์ครับ  เป็นข้อมูลร้านค้าขายสินค้าชื่อว่า  Luma  เมื่อเลือกติดตั้งแบบ Sample Data แล้วจะมีหน้าร้านเป็น Luma  เลยครับสามารถทดสอบใช้งานระบบได้ทันที แต่การติดตั้งมีการใช้คำสั่ง Comand line นิดหน่อยนะครับ  ข้อเสียคือ ไฟล์ที่ดาวโหลดมีขนาดใหญ่ครับ

 

    • ดาวโหลด Magento CE 2.0.2
      คุณสามารถเข้าไปเลือกดาวโหลดได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาเลยครับ  คลิกเพื่อดาวโหลด  โดยเลือกดาวโหลดได้ทั้งแบบไม่ต้องมี Sample Data  และมี  Sample Data  แต่ขนาดไฟล์ก็จะแตกต่างกันไปครับ แนะนำให้ดาวโหลดไปไฟล์ zip นะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.36.28 PM

 

  • ความต้องการของระบบก่อนทำการติดตั้ง Magento CE 2.0.2  ควรเช็คว่าซอฟแวร์ต้องการอะไรบ้าง เพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของระบบ

 

    • ระบบปฏิบัติการ :  Linux distributions such as RedHat Enterprise Linux(RHEL), CentOS, Ubuntu, Debian และอื่นๆ
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  Linux ubuntu 14.04
    • Apache 2.2 หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  apache 2.2
    • PHP 5.5.X ,  PHP 5.6.x , หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  Magento CE 2  ไม่รองรับ  PHP  5.4
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  PHP 7
    • PHP Extensions ที่จำเป็น
      • PDO/MySQL
      • mbstring
      • mcrypt
      • mhash
      • simplexml
      • curl
      • gd2, imageMagick  6.3.7 หรือมากกว่า
      • soap
      • intl
      • bc-math
      • openssl
    • MySQL 5.6.x
      • โน๊ต : ผู้เขียนใช้  MySQL 5.6.28
    • Composer  1.x  
      • โน๊ต :  composer มีไว้เพื่อใช้ในการดาวโหลด  Package หรือ library  ที่จำเป็นของระบบจากแหล่งต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในไฟล์ composer.json
    • Mail Transfer Agent (MTA) หรือ SMTP Server
    • ไม่บังคับแต่ควรมีไว้
      • php_xdebug 2.2.x  เพื่อใช้ในการ Debug เวลาพัฒนา  Extensions ร่วมกับ  Magento CE 2
      • PHPUnit 4.1.x  เพื่อใช้ในการเขียน Unit test

 

  • ติดตั้ง  Magento CE 2.0.2

    เมื่อคุณตรวจสอบความถูกตามที่ระบบต้องการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถทำตามขั้นตอนการติดตั้งดังต่อไปนี้ได้เลยครับ

 

ทำการ Extract file Zip  ที่ดาวโหลดมาและ  Copy  ไปวางไว้ที่  Web root  ของผู้เขียนจะอยู่ที่  var/www/html/

Screen Shot 2559-03-23 at 3.37.24 PM

    • สร้างฐานข้อมูล

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.13 PM

    • Composer install  และ Deploy  Sample Data

Composer Install
เปิด  Command Line  ขึ้นมาจากนั้นก็เข้าไปในตำแหน่งในโฟล์เดอร์ของ Package ใน  Web root  ถ้าเป็น Linux  อย่าลืมเปลี่ยนผู้ใช้งานเป็น  root ด้วยนะครับ จากนั้นพิมพ์คำสั่ง
php composer.phar  install

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.47 PM

      • จากนั้น Composer จะไปตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Library และดาวโหลด  Library  มาไว้ใน  Package  หากไม่มีการแก้ไขเวอร์ชั่น ก็จะไม่ดาวโหลดลงมาแบบตัวอย่าง

Deploy Sample Data
เพื่อไปตรวจเช็คและอัพเดทข้อมูล  Sample Data  จากเว็บหลักของ Magento  ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณทำถูกวิธี  ดูคำอธิบายเพิ่มเติม  นอกจากนั้นคุณจะต้องสร้าง Authentication Key  และนำมาใช้ในการ  Composer Add Key   และท้ายสุดก็สามารถทำการ  deploy  ได้ครับ
php bin/magento sampledata:deploy

Screen Shot 2559-03-23 at 3.39.13 PM

    • ติดตั้ง Magento มีทั้งหมด  7  ขั้นตอน

      ใช้โปรแกรม web browser ที่คุณใช้เป็นประจำ ระบุ  URL  ไปที่ตำแหน่งที่คุณวาง Package  ไว้ใน Web Server  ผู้เขียนใช้  127.0.0.1/mage2  นะครับ

      • ขั้นตอนที่ 1  :  Agree and Setup เป็นหน้าแรกสำหรับการติดตั้ง กดปุ่ม Agrea and Setup Magento เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.14 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 2  :  ตรวจสอบความถูกต้องของระบบก่อนติดตั้ง  หากผ่านทุกขั้นตอนคลิกปุ่ม Next เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.48 PM

      • ขั้นตอนที่ 3 :  ติดตั้งฐานข้อมูล เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Database Server Host :  กรอกชื่อ หรือ IP ของโฮสต์ ค่าเริ่มต้นคือ  localhost
        • Database Server Username :  กรอกชื่อผู้ใช้งาน ค่าเริ่มต้นคือ root
        • Database Server Password :  กรอกรหัสผู้ใช้งาน
        • Database Name :  กรอกชื่อฐานข้อมูล
        • Table prefix :  กรอกคำนำหน้าตาราง (สามารถเว้นว่างได้)

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.25 PM

      • ขั้นตอนที่ 4  :  ตั้งค่าเว็บไซต์  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Your Store Address : คือ url ของเว็บไซต์หน้าบ้านสำหรับลูกค้า
        • Magento Admin Address : คือ url ของเว็บไซต์หลังบ้านสำหรับผู้ดูแลระบบ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.54 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 5  :  ตั้งค่าโซนเวลา ภาษา และสกุลเงิน  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Store Default Time Zone :  เลือกโซนเวลาที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Currency  :  เลือกสกุลเงินที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Language :  เลือกภาษาที่ใช้ภายในร้านค้า

Screen Shot 2559-03-23 at 3.42.31 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 6  :  ตั้งค่าร้านค้า เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • New Username :  กรอกรหัสผู้ใช้สำหรับผู้ดูแลระบบ
        • New Email :  กรอกอีเมล์ผู้ใช้งาน
        • New Password : กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน
        • Confirm Password : กรอกยืนยันรหัสผ่านผู้ใช้งาน

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.09 PM

      • ขั้นตอนที่ 7  :  ติดตั้งระบบใช้เวลาไม่นาน หากติดตั้งใน Linux  แนะนำให้  Change Permission Package ก่อนเพื่ออนุญาตให้ระบบสามารถอ่านไฟล์และเขียนไฟล์ได้

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.40 PM

เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์จะแสดงผลลัพธ์แบบนี้ ระบบจะแจ้งสิ่งที่จำเป็นในการเรียกใช้งานระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน คุณควรจดจำให้ดี แนะนำให้เขียนใส่โน๊ตไว้เพื่อป้องกันลืมครับ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.44.11 PM

    • ตัวอย่างหน้าร้าน LUMA

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.01 PM

 

    • ตัวอย่างหลังหลังบ้าน Admin login

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.31 PM

 

Prawit Saraphan

ขอขอบคุณภาพประกอบภาพที่ 1 จากเว็บไซต์ magento
เขียนและเรียบเรียงโดย  Prawit Saraphan

 

0 0 Continue Reading →

Magento 2.0 – What’s new?

Magento 2.0

Magento 2.0 – What’s new?

Next Generation Digital Commerce Platform

มีข้อสงสัยกันเข้ามามากเกี่ยวกับ Magento 2.0 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เร็วขึ้นมั้ย รองรับเทคโนโลยีอะไรบ้าง UI ละ แล้ว Framework เปลี่ยนมั้ย เลิกใช้ prototype หรือยัง Theme สวยมั้ย และจะพัฒนาต่อไปในทิศทางไหน โน่น นี่ นั่น บลา บลา บลา วันนี้เรามาลองดูกันครับ

ก่อนอื่น ผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่า Magento เป็น eCommerce Solution ที่อยู่ในกลุ่มผู้นำของตลาด ทั้ง Open Source และ Enterprise เดี๋ยวเราลองมาสรุปภาพรวมของ Magento โดยคร่าวๆกันก่อน

  • Magento เริ่มต้นพัฒนาในปี 2007 โดย Varian Inc.
  • 2008 Beta Software ชุดแรกถูกส่งออกมา
  • 2010 eBay Inc. เข้ามาสนับสนุนโดยถือหุ้น 49% 1
  • 2011 ถูกซื้อเข้าไปอยู่ใน eBay Inc.
  • 2015 Magento ถูกควบรวมโดย Permira Funds 2
  • 2015 Official launch Magento 2.0

Magento 2 / A New Era Of Commerce Innovation 3

ใน blog ของ magento เอง ได้กล่าวไว้ว่า Magento 2.0 เป็น Next Generation Digital Commerce Platform ที่จะมาช่วยใน การส่งเสริมตราสินค้า, การค้าปลีก หรือ การทำธุรกิจ ทั้งแบบ B2C และ B2B โดยมุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็วในการส่งมอบ และความคุ้มค่าของการลงทุน บนระบบ digital commerce ในแบบ Omnichannel

Magento 2.0 ยังคงเพิ่มความสามารถในการทำงานได้รวดเร็วขึ้น, มีความสามารถใหม่ๆที่จะช่วยในการเพิ่มยอดขาย อีกทั้งมีการเพิ่มคุณภาพของตัวระบบ Magento 2.0 เองด้วย

Magento 2.0 ยังคงมี 2 เวอร์ขั่นให้เลือกใช้เช่นเดิม คือ Magento Enterprise Edition 2.0 และ Magento Community Edition 2.0

Enterprise-grade Scalability and Performance

ใน Magento 2.0 ความเร็วในการโหลดหน้าเวปจะเร็วขึ้นราวๆ 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Magento 2.0 ใส่ Vanish มาให้ตั้งแต่ on-the-shelf Software เลย นอกจากนี้ Admin Panel ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการทำงานของผู้ดูแลระบบได้พร้อมๆกันได้มากขึ้น

Secure Payments

Magento 2.0 มาพร้อมกับระบบการจ่ายเงินของ Paypal, Braintree และ Authorize.net และ Magento Enterprise Edition 2.0 ยังรอบรับ Worldpay และ CyberSource เพิ่มขึ้นอีก

ระบบ security ที่ดีของ Magento 2.0 ยังมีผลให้ การขอ PCI compliance ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

New default theme and admin GUI

บน Magento 2.0 มีการใช้ Frontend theme ใหม่ codename “Luma” ซึ่งเน้นมุมมองที่สะอาด แต่เตะตา มีการเปลี่ยนแปลงจาก Magento 1 – Madison Island theme พอสมควรทั้งทางด้านโครงสร้างภาพบนหน้าจอ การรองรับ Responsive แบบสมบูรณ์กว่าเดิม และความเร็วที่เพิ่มขึ้น

magento 2.0

ในด้าน Admin Panel ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น การตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับระบบทันสมัยมากขึ้น

Magento 2.0

No more Prototype

จากวันที่ Magento เริ่มพัฒนา ในวันนั้น jQuery ยังคงไม่แข็งแรงพอที่จะถูกเลือกมาใช้งาน ในวันนั้น Prototype จึงถูกเลือกมาใช้งานเป็น JavaScript framework หลัก และยังคงถูกใช้งานเป็นหลักใน Magento 1 จนวันนี้ Magento 2.0 ได้ก้าวออกมาและได้ใช้ jQuery เป็นตัวหลักแทน (เย้ เย้ เย้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ)

magento

Magento 2.0 Roadmap

การที่ Magento มี roadmap ที่ชัดเจน มีผลให้การ implement ระบบ eCommerce ทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะในยุค digital ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆค่อนข้างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตัวผู้ค้าเองก็ต้องมีการวางแผนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หัวข้อหลักๆที่น่าสนใจ

  • Elasticsearch support
  • Content staging
  • B2B specific enhancements
  • Personalization capabilities
  • Enhanced analytics capabilities
  • and much, much more.

Magento 2.0 อยู่บน github แล้วนะครับ

https://github.com/magento/magento2

Magento Enterprise Edition 2.0 Pricing Model

อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดของ Pricing Model ตรงนี้ได้ แต่คงกล่าวได้ว่า Magento Enterprise Edition 2.0 มีการเปลี่ยน Pricing Model จากเดิม (per instance) โดยราคา license จะเปลี่ยนไปโดยอิงกับยอดขายสินค้าเป็นหลัก4 ร้านค้าที่ยอดขายน้อย ค่า license อาจจะถูกกว่าร้านค้าที่มียอดขายมาก ราคาดังกล่าวสามารถแข่งกับ Enterprise eCommerce Platform อื่นๆได้อย่างแน่นอน หากท่านมีความสนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย5

stream magento

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save