Skip to Content

Blog Archives

สตรีมฯ ย้ำภาพผู้นำด้านระบบการชำระเงินหรือ Digital Payments ร่วมเป็นวิทยากรในงาน Future Finance

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา คุณธัชชัย จงวิศาล ผู้บริหารของสตรีมฯ ได้ร่วมเป็น Speaker ในงานสัมมนา “Future Finance” ในหัวข้อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลสำหรับบริการทางการเงิน จัดขึ้น ณ โรงแรม Hyatt Regency Sukhumvit

โดยใน session นี้ สตรีมฯ ได้ขึ้นพูดคุยร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำด้าน Digital Core Banking Platform ระดับโลก อย่าง Thought Machine ในประเด็นหลักที่ว่า การเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยีส่งผลต่อธุรกิจของผู้ให้บริการด้านการเงินในประเทศไทยอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นบริบททางด้านสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปสำหรับผู้บริโภค รวมถึงประโยชน์จากการนำ cloud มาใช้

 

ตลอดการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับกลุ่มธนาคารตลอดมากว่า 23 ปี ทำให้สตรีมฯ เข้าใจในความต้องการของกลุ่มลูกค้า และสนับสนุนการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงประชาชน และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินและประกัน โซลูชั่นของสตรีมฯ อาทิ การเชื่อมต่อระบบการชำระเงินของภาคธนาคาร ระบบพร้อมเพย์ ระบบเชื่อมต่อบัตรเครดิตต่าง ๆ ระบบ ATM การส่งข้อความระหว่างสถาบันการเงิน (ISO20022) การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การทำระบบให้บริการสินเชื่อดิจิทัล การทำระบบบัตรเครดิตอิเล็กทรอนิกส์ การดึงข้อมูล Big Data มาวิเคราะห์และประมวลผล ฯลฯ

 

สำหรับกลุ่มการประกันภัย ก็มีโซลูชั่นให้บริการอย่างหลากหลายตรงกลุ่มธุรกิจ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชั่นทั้ง Web App และ Mobile App ด้วยกระบวนการออกแบบ Microservices ทำให้การพัฒนาแอปรวดเร็วขึี้น การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ทำ Authentication เพื่อที่จะตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าถึงหรือทำธุรกรรม อย่างการพิสูจน์และยืนยันตัวตน สตรีมฯ ยังจัดทำสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Contract) ที่สามารถดูความถูกต้องของสัญญาผ่านระบบออนไลน์ พร้อมลงลายมือชื่อดิจิทัลได้สะดวก

 

นอกจากสองกลุ่มนี้ สตรีมฯ ยังมีโซลูชั่นสำหรับกลุ่มธุรกิจอื่น อาทิเช่น กลุ่มมหาวิทยาลัย กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มโทรคมนาคมและการขนส่ง กลุ่มสาธารณูปโภค และลูกค้าภาครัฐ หากท่านใดสนใจโซลูชั่นของกลุ่มธุรกิจใด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่อีเมล marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233 นะคะ

0 0 Continue Reading →

Rabbit MQ ตอนที่ 1

Rabbit MQ คืออะไร

Rabbit MQ เป็น Software จำพวก Message Broker ซึ่งรับ Message จากระบบหนึ่งแล้วส่ง Message ต่อไปยังอีกระบบหนึ่ง นึกภาพคล้ายกับที่ทำการไปรษณีย์ (Post Office) คือผู้ส่งจดหมายซึ่งระบุชื่อและที่อยู่ของผู้รับ นำจดหมายที่ต้องการส่งไปยังตู้ไปรษณีย์ จากนั้นบุรุษไปรษณีย์ (Postman) จะทำการนำจดหมายนั้นส่งไปถึงผู้รับ

Rabbit MQ เป็นเสมือนทั้งตู้ไปรษณีย์ ที่ทำการไปรษณีย์ และบุรุษไปรษณีย์ เพียงแต่ Rabbit MQ ไม่ได้ทำงานกับจดหมายกระดาษ เพราะเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์

Credit: ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=dTx4MONz9CQ

Rabbit MQ ใช้ทำอะไร

การมีระบบจัดการด้าน Messaging ช่วยให้ Software Application ต่าง ๆ สามารถ Connect หากันได้และสามารถ Scale ได้ การ Connect นี้ก็มีทั้ง Application หลาย ๆ ตัว Connect ถึงกันได้ (ซึ่งแต่ละชิ้นก็เป็นองค์ประกอบของ Application ที่ใหญ่กว่า) หรือ Application connect ไปหาอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือข้อมูลต่าง ๆ

เราสามารถนำแนวคิดของ Message Queue มาใช้จัดการเรื่อง data delivery, Non-blocking operation หรือ Push Notification รวมทั้งสามารถใช้ในงานแบบ Publish/Subscribe, Asynchronous processing, Work queues

Rabbit MQ เป็น Message Broker ซึ่งเป็นตัวกลางของระบบ Messaging โดยช่วยให้ Application ของเรามี platform ร่วมกันสำหรับส่งและรับ Message นอกจากนี้ยังเป็นที่จัดเก็บ Message ที่ปลอดภัยจนกว่าผู้รับจะได้รับ Message

 

1. Data Delivery

บางครั้ง หลายระบบงานที่ทำงานร่วมกัน อาจมีการส่งข้อมูลปริมาณมาก ๆ ระหว่างกัน ซึ่งไม่สามารถทำงานแบบ Real-time ได้เสมอไป ในบางองค์กรใช้วิธีการ Batch โดยตั้ง Schedule ให้ระบบสร้างไฟล์ Batch ออกมา แล้วส่งให้อีกระบบหนึ่งตาม Schedule ที่ตกลงกัน (ตัวอย่างเช่นระบบงาน Human Resource ส่งรายชื่อพนักงานใหม่ทุกสิ้นวันผ่าน Batch File ซึ่งส่งกระจายให้กับระบบงานอื่น ๆ เพื่อไป Create user account ให้พนักงานใช้) หากทำ Message Broker มาช่วยจัดการ จะลดการทำงานแบบ Batch นี้ออกไปได้

 

 

2. Non-Blocking Operation และ Asynchronous Operation

บางระบบงานที่ประกอบด้วยหลาย Process ทำงานร่วมกันนั้น มักจะมีการเรียกใช้งานระหว่างกัน ซึ่งหลาย ๆ ครั้งเกิดปัญหา Blocking ได้

Credit: ภาพจาก: https://www.researchgate.net/figure/Blocking-and-non-blocking-operation-calls_fig18_312384750

 

Credit: ภาพจาก https://www.koyeb.com/blog/introduction-to-synchronous-and-asynchronous-processing

 

รูปด้านซ้ายแสดงการทำงานที่เกิด Blocking operations คือ Process A ส่งงานให้ Process B ทำงาน ระหว่าง B ทำงานอยู่ A จะต้องรอจน B ทำเสร็จ แล้ว A จึงจะทำงานต่อได้ (เรียกว่าเป็น Synchronous) จะเห็นได้ว่าระบบจะเสียทรัพยากรไปเปล่าประโยชน์ในช่วงที่ A รอ B เพราะ A ไม่ได้ทำงานช่วงนั้นเลย อีกทั้งหาก B ทำงานช้า จะทำให้ A ทำงานช้าไปด้วย และภาพรวมของระบบก็จะทำงานได้ Throughput น้อยลง

ส่วนรูปด้านขวาแสดงการทำงานแบบ Non-blocking operations (เป็นแบบ Asynchronous) คือ Process A ส่งงานให้ Process B ทำงาน ระหว่างที่ B ทำงานอยู่ A ก็สามารถทำงานอื่นของตนต่อได้ เมื่อ B ทำเสร็จก็จะแจ้งกลับมาที่ A จะเห็นได้ว่าระบบใช้ทรัพยากรคุ้มค่ากว่า

เราสามารถนำ Software จำพวก Message Broker มาช่วยปรับปรุงระบบในลักษณะนี้ได้ โดยให้ Message Broker รับคำสั่งจาก Process A แล้วให้ Broker ส่งให้ Process B เมื่อ A ส่งให้ Broker แล้ว A สามารถทำงานอื่นต่อได้โดยไม่ต้องรอ (แต่มีเงื่อนไขว่างานอื่นที่ A หยิบมาทำระหว่างนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ผลลัพธ์จาก B)

 

3. Push Notification

Push Notification เป็นการส่งข้อความจากระบบไปยังอุปกรณ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของ User เพื่อแจ้งข้อมูล ข่าวสาร หรือร้องขอให้ทำ Action บางอย่างกลับไป ในระบบที่มีปริมาณการใช้งาน Notification สูง ๆ อาจะเกิด Blocking ขึ้นในจุดนี้ได้ ดังนั้นการนำ Message Broker มาช่วยจัดการส่วนนี้ จะลด Blocking Operation จากการที่ระบบต้นทางต้องรอ Push Server ทำงาน

 

4. Publish/Subscribe

Credit: ภาพจาก https://docs.microsoft.com/en-us/azure/architecture/patterns/publisher-subscriber

ในเชิง Software Architecture นั้น Publish/Subscriber จัดว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ Messaging ซึ่งผู้ส่ง Message (เรียกว่า Publisher) จะไม่ถูกกำหนดให้ส่ง Message ให้หาผู้รับ (Subscriber) โดยตรง แต่ละจัดแบ่งหมวดหมู่ของ Published Message โดยมักจะไม่สนใจว่า Subscriber คือใคร ส่วน Subscriber จะรับ Message เฉพาะที่ตนเองสนใจเท่านั้น โดยไม่ต้องรับรู้ว่ามาจาก Publisher รายใด ดังนั้น Message Broker จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางอย่างดีในการจัดการ Message เหล่านี้ ระหว่าง Publisher และ Subscriber โดย Publisher ทำการ Publish Message ไปยัง Input Channel ของ Broker และ Subscriber จะคอยรับ Message จาก Output Channel ของ Broker

 

Rabbit MQ เหมาะกับงานลักษณะใด

  • Data Delivery
  • Non-blocking operation
  • Push notification
  • Publish/Subscribe
  • Asynchronous Processing
  • Work Queues

 

Case Study

1. การส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อมีการ Login เข้าใช้งานระบบ

ระบบงานหนึ่งมี Requirement ว่า เมื่อ User ได้ Login ผ่านแล้ว ระบบจะต้องส่ง Email แจ้งไปยังผู้ใช้งานว่ามีการ Login ซึ่งจะช่วย User ในกรณีมีผู้อื่นแอบนำ Credential ของตนเองไปแอบใช้ การส่งแจ้งเตือนจะทำให้ User ตัวจริงทราบว่ามีการเข้าใช้งาน และดำเนินการระงับการใช้งานได้ทัน ก่อนจะเกิดความเสียหายได้

มีเหตุการณ์วันหนึ่งว่า Mail Gateway ซึ่งเป็นตัวกลางในการส่ง Email เกิดขัดข้อง ทำให้ระบบงานนี้ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ผลก็คือการ Login จะช้ามาก เพราะรอการเชื่อมต่อกับ Mail Gateway แล้วยิ่งมี User เข้า Login อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ก็ยิ่งเกิด Bottleneck ให้การเข้าใช้งาน ทั้ง ๆ ที่ตัวระบบนี้เองไม่ได้มีปัญหาภายใน

การทำงานลักษณะนี้ สามารถปรับปรุงได้ โดยให้โปรแกรมส่วนหลักทำการ Publish ข้อมูลสำหรับการส่ง Email Notification ไปยัง Message Queue แล้วให้ Consumer ดำเนินการส่งอีเมลผ่าน Mail Gateway ส่วนโปรแกรมส่วนหลักก็ Execute ต่อไปโดยไม่ต้องรอผลการส่ง Email

2. การ Generate Report ผ่านหน้า Web Application

ระบบงานหนึ่งมี Requirement ให้สร้าง Export ข้อมูลธุรกรรมย้อนหลังจำนวนมาก และข้อมูลแต่ละ Row ก็มี Column จำนวนหลายร้อย Column จึงใช้เวลานานมากในการสร้างไฟล์ หากเราออกแบบให้ทำงานแบบ Synchronous ก็จะเกิด Waiting Time ยาวนาน และ User ต้องรอจนกว่าจะเสร็จ หน้าจอ ขึ้น pop-up ให้ Save แล้วกด Save File ได้ จึงจะไปทำงานหน้าจออื่นได้

การออกแบบ จึงเลือกใช้ Message Broker เข้ามาช่วย โดยโปรแกรมส่วนหลัก (Publisher) ทำการ Publish คำสั่ง Export ไปยัง MQ แล้ว Update สถานะของ Job นี้เป็น In Progress  จากนั้น Consumer Process ดำเนินการ Export ข้อมูลและ Save File ลงใน Disk จากนั้นจึง Update สถานะของ Job เป็น Finish เมื่อ User เห็นสถานะนี้แล้วจึงกด Link เพื่อ Download File นั้นไปใช้งานในช่วงเวลาหลังจากที่ Publish คำสั่งเข้า MQ นั้น ไปจนถึง Consumer ทำงานเสร็จนั้น ทาง User ไม่จำเป็นรออยู่ที่หน้าจอเดิม สามารถไปหน้าจออื่นเพื่อทำงานอื่นได้

3. การยืนยันตัวตนใน NDID Platform

ปัจจุบัน Mobile Banking Application ของสถาบันการเงินต่าง ๆ มี Feature เรื่อง NDID Service ซึ่งเป็นบริการยืนยันตัวตนและขอข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างสถาบันการเงิน โดยลูกค้าของธนาคารสามารถขอให้ Application สถาบันการเงินที่ตนติดต่ออยู่ เชื่อมต่อไปยังระบบของอีกสถาบันการเงิน เพื่อให้ทำการยืนยันตัวตนให้ ซึ่งการยืนยันตัวตนนี้อาจใช้เวลานาน เพราะมีทั้งการตรวจสอบสิทธิ์ด้วย PIN หรือ One-Time Password, การตรวจทานข้อมูลส่วนตัว, การทำ Face Recognition ดังนั้นจึงมีการนำ MQ เข้ามาใช้ในการรับส่งข้อมูลการขอยืนยันตัวตนระหว่างสถาบันการเงินด้วยกัน

Credit: ภาพจาก NDID Platform

 

สำหรับในส่วน Introduction จะขอจบเพียงเท่านี้ ในตอนถัดไปจะกล่าวถึงการใช้งาน Rabbit MQ ในรูปแบบต่าง ๆ ครับ

เรื่องของ NDID สามารถอ่านได้ที่ https://www.stream.co.th/why-ndid/

หากสนใจโซลูชั่นด้านดิจิทัล สามารถติดต่อเราได้ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233 นะครับ

 

เรียบเรียงโดย Siripod Surabotsophon

1 4 Continue Reading →

สตรีมฯ จับมือหัวเว่ย ผนึกจุดแข็ง ลุยตลาด Enterprise Networking, Storage และ Cloud

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ – คุณกนกวิภา วิริยประไพกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตรีมฯ ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ได้รับเกียรติจากทาง บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เชิญมาร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญ ขึ้นพูดในหัวข้อ​ “FSI Digital​ Ready” ช่วง Finance Session กับโจทย์ “ICT Enables the Financial Industry Digital Transformation” ในงาน​ Powering Digital Thailand 2021

ณ วันนี้ สตรีมฯ เป็นคู่ค้าในระดับ Gold Partner ของหัวเว่ย เราจับมือกันเพื่อนำเสนอบริการให้กับสถาบันการเงิน รวมถึงองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่สำคัญของไทย

 

ภายในงาน คุณกนกวิภา ได้พูดถึง Roadmap ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่อง Payment Systems ที่มีองค์ประกอบหลัก ๆ 5 คำ คือ Interoperable, Innovation, Inclusion, Immunity และ Information ว่า ในการชำระเงินมีทั้งส่วนการโอนเงินทันทีให้กับบุคคลและโอนเงินระหว่างประเทศในมุมของธุรกิจ แต่ละแบบก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นระบบจึงต้องมีความพร้อมในการเชื่อมต่อและมีความเสถียร

นอกจากนี้ กรอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยวางไว้นั้นมีความเชื่อมโยงกันอยู่ เมื่อเรานำไปปฏิบัติในการออกแบบระบบ สตรีมฯ ก็ยึดมั่นในความเชื่อมโยง เพื่อให้ทั้ง Ecosystem ทำงานได้ราบรื่นมากที่สุด

ด้วยความที่สตรีมฯ โลดแล่นอยู่บนเส้นทางการเป็นที่ปรึกษาโซลูชั่นให้กับบริษัท Enterprise ​มากว่า 20 ปี จนมาเป็น Digital Provider ในวันนี้ เรามั่นใจในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในภาคการเงินการธนาคาร

 

โซลูชั่นด้านการเงินที่เราทำเริ่มตั้งแต่ด้าน Payments เราอยู่เบื้องหลังการวางระบบ infrastructure ให้กับสถาบันการเงินไทยมากว่า 2 ทศวรรษ เช่น การทำ Debit & Credit Card การร่วมวางระบบ PromptPay ไปจนถึงการทำ QR code เพื่อรองรับการชำระเงิน ที่มี transaction มหาศาลในปัจจุบัน

การวางระบบ Payment Hub ทั้งส่วนของรายย่อยและธุรกิจให้ธนาคารต่าง ๆ รวมไปถึงการออกแบบระบบด้านความปลอดภัยที่ใช้ตรวจสอบการฉ้อโกง การป้องกันการฟอกเงิน และการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น

 

ปัจจุบันเราทำโครงการเพื่อเชื่อมต่อระบบไปยังหน่วยงานของกรมสรรพากร และภาคพื้นอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการทำระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) ระบบจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice and e-Receipt) ระบบการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับตราสาร อิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) และมาตรฐานข้อความที่ใช้สื่อสารในอุตสากรรมการเงินสากล ISO20022

จุดแข็งของสตรีมฯ คือการมีโซลูชั่นในกลุ่มอุตสาหกรรมทางการเงินที่ครบวงจร ระบบมีความเสถียร และวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัล คอยสนับสนุนการเติบโตของภาคการเงินการธนาคารตลอดมา เรามองเห็นเทรนด์เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และสรรหาพาร์ทเนอร์อันดับต้น ๆ ในแต่ละด้านมาร่วมวางระบบ

 

วันนี้หัวเว่ยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ทรงพลัง ทำให้เรามั่นใจว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่เรามองหา อีกทั้งหัวเว่ยมีชื่อเสียงทั้งในตลาด Consumer อย่างสมาร์ทโฟน หรือในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมไปถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ คือ เครือข่ายโทรคมนาคม ไอที อุปกรณ์อัจฉริยะ และบริการ Cloud

 

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายโทรคมนาคมนั้น หัวเว่ยนับเป็นผู้นำของแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวกับ Data Center โดยมี Software-Defined Networking ซึ่งติดอันดับใน Gartner มีข้อดีคือ ลดงานของทีม Network Operation การ Config ทั้งหมดจะกลายเป็นแบบอัตโนมัติ จึงช่วยลดความผิดพลาดในการ Configure ลง

ทั้งยังสามารถตรวจสอบการทำงานที่ผิดปกติในระบบเครือข่าย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ Application ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการบริหารจัดการระบบเครือข่ายสำหรับ Cloud ที่มีอุปกรณ์ Switch จำนวนนับพันนับหมื่นตัว จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหัวเว่ยนั้น Storage นับเป็นส่วนที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เช่น All-Flash Storage ที่เป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ เร็วกว่าเดิม ประหยัดกว่าเดิม ตอบสนองในการใช้งาน Application ระดับหลายล้าน Transaction

ทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น แล้วยังช่วยตรวจจับสิ่งผิดปกติหรือข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าด้วย นั่นทำให้เมื่อนับส่วนแบ่งตลาด Storage กว่า 50% ของธนาคารหลักใช้โซลูชั่น Huawei All-Flash Storage ซึ่งดูแลโดยสตรีมฯ

นอกจากนี้ ทางหัวเว่ยเองก็ผลักดันบริการ Cloud ในไทยสำหรับธุรกิจในระดับองค์กร โดยพัฒนา Public Cloud ที่มี Data Center อยู่ในประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ อีกทั้งยังหมดปัญหาเรื่องความล่าช้าในการส่งข้อมูล

 

หัวเว่ยไม่เพียงแต่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เมื่อมองในมุมของการลงทุนในความรู้ด้านเทคโนโลยี บุคลากร การทำตลาด โมเดลธุรกิจที่หัวเว่ยวางไว้ และการมุ่งมั่นพยายามเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างจริงจัง ล้วนเอื้อหนุนให้ทุกฝ่ายเติบโตไปด้วยกัน

 

สตรีมฯ ได้ร่วมกับหัวเหว่ยในในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น โครงการระบบการนำเข้าและคัดแยกข้อมูลการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ National e-Payment ของกรมสรรพากร โครงการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Know Your Customer: e-KYC) และโครงการบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID: NDID) ในหลายธนาคาร

 

นอกเหนือไปจากภาคธนาคาร เรามีโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับหลายหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรัฐ โรงพยาบาล ประกัน ค้าปลีก หลักทรัพย์ โทรคมนาคม ฯลฯ สนใจสอบถามโซลูชั่นด้านดิจิทัลขององค์กรคุณ ติดต่อได้ที่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ที่อีเมล Marketing@stream.co.th หรือโทร. 02-679-2233

0 0 Continue Reading →

NDID มีแล้วดีอย่างไร? ใครได้รับประโยชน์บ้าง?

เมื่อพูดถึงหนึ่งในเทคโนโลยีกำลังเป็นที่จับตามอง ต้องมีเรื่องของ NDID หรือ National Digital Identity ซึ่งก็คือระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล โดยมีการเก็บข้อมูลที่ระบุอัตลักษณ์หรือคุณลักษณะของแต่ละบุคคล แล้วสร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูล เชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างมาตรฐานการพิสูจน์และการยืนยันตัวตนร่วมกันทั้งประเทศไทย เป็นการยกระดับการทำธุรกรรมต่างๆ ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และสะดวกสำหรับบุคคลทั่วไปในการยืนยันตัวตนกับสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาคธนาคาร ภาครัฐ รวมไปถึงภาคเอกชน

ภายใต้ระบบการพิสูจน์ตัวตนนี้ มีองค์ประกอบหลักๆ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
1. Identity Provider (IDP) ผู้ทำหน้าที่สำคัญในการเป็นผู้พิสูจน์และยืนยันตัวตน และเป็นผู้รับลงทะเบียนยืนยันการพิสูจน์ตัวตนให้กับผู้ที่จะขอใช้ข้อมูล อาทิเช่น กรมการปกครอง หรือธนาคาร เป็นต้น

2. Authoritative Source (AS) กลุ่มผู้ให้บริการข้อมูลของลูกค้าตามที่ร้องขอ เช่น ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, ข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน, ข้อมูลด้านสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลจะถูกตรวจสอบ ต้องผ่านสถานะการยืนยันตัวตนและยินยอมให้ใช้ข้อมูล จึงจะสามารถให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงได้

3. Relying Party (RP) กลุ่มผู้ให้บริการในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ธนาคารให้บริการเปิดบัญชี, การขอสินเชื่อ, สมัครบัตรเครดิต หรือบริษัทหลักทรัพย์ ให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งจะสามารถดึงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลไปใช้ได้เมื่อมีการติดตั้งระบบ NDID

ทั้งนี้ ข้อสำคัญคือการจะเข้าถึงข้อมูลต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนทุกครั้ง ล้อกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

สำหรับบุคคลทั่วไป การทำธุรกรรม เช่น การเปิดบัญชีใหม่กับธนาคาร จะต้องมีระบบการยืนยันตัวตน (Know Your Customer: KYC) เช่น ขอบัตรประชาชนและเอกสารอีกมากมาย รวมถึงเอกสารที่ต้องกรอก ณ สาขา เพื่อเปิดบัญชี นอกจากเรื่องเอกสารแล้ว ผู้เปิดบัญชียังต้องเสียเวลาในแต่ละขั้นตอนด้วย

ในมุมของธนาคาร ธนาคารมีต้นทุนที่ให้บุคลากรมาทำการเปิดบัญชีให้กับผู้เปิดบัญชีทีละคนๆ หากลองคำนวณเล่นๆ ว่าแต่ละวันพนักงานธนาคารหน้าเคาท์เตอร์คนหนึ่ง ทำงาน 8 ชั่วโมง และการเปิดบัญชีใหม่ ก็เสียเวลาครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น นั่นแปลว่าใน 1 วัน พนักงานหนึ่งคนสามารถบริการลูกค้าได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เป็นการสิ้นเปลืองแรงงานและค่าใช้จ่ายของธนาคารอย่างมาก

แต่หากธนาคารมีการใช้งาน NDID และทำหน้าที่เป็น IDP เพื่อจัดทำข้อมูลในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของลูกค้า และมีการจัดทำระบบ e-KYC ขึ้นมา ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทางด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ยกตัวอย่างเช่น การทำ Facial Recognition และ Hardware Security Module (HSM) แต่ความคุ้มค่าหลังจากธนาคารมีระบบนี้แล้วคือ ธนาคารเรียกใช้ข้อมูลลูกค้าระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขาต่างๆ ด้วย ทำให้ลูกค้าผู้ใช้งานธนาคารนั้นๆ ได้รับความสะดวกสบายเนื่องจากไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสาร และยังสามารถให้ข้อมูลที่มีการยินยอมให้ใช้งานจากลูกค้าเพื่อนำไปสร้างรายได้ เมื่อมีหน่วยงานอื่นที่มีการเชื่อมต่อเข้ากับ NDID ต้องการขอใช้ข้อมูลดังกล่าว

โดยหากลูกค้าประสงค์ที่จะเปิดบัญชีที่ธนาคารอื่นๆ ที่ยังไม่เคยมีการเปิดบัญชีมาก่อน หากธนาคารนั้นๆ มีเชื่อมต่อกับ NDID และทำหน้าที่เป็น IDP  ก็จะสามารถขอใช้ข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนจาก IDP ของธนาคารที่ลูกค้าเคยให้การยินยอม และขอข้อมูลเฉพาะจาก AS ได้ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการขอเอกสารจากลูกค้าใหม่ นั่นคือข้อดีของระบบ NDID

ถ้าพูดง่ายๆ NDID ก็เปรียบเสมือนเป็นถนนในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างองค์กร โดย RP ไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลของลูกค้าเอง แต่สามารถไปเรียกใช้ข้อมูลจากองค์กรที่เป็น IDP และ AS ให้บริการข้อมูลลูกค้า เช่น จากบัญชีของธนาคารอื่นที่ผู้เปิดบัญชีมีข้อมูลอยู่แล้ว และลูกค้ายินยอมให้ใช้ข้อมูล ซึ่งก็จะทำให้ผู้เปิดบัญชีใหม่ สามารถเปิดบัญชีได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือ ในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที

ในช่วงแรกของโครงการ NDID นี้ เริ่มจากในเฟสแรก ที่ธนาคารใช้เทคโนโลยี Facial Recognition ในกระบวนการ KYC เพื่อเปิดบัญชี ในปัจจุบันเราอยู่ในเฟสสอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์และยืนยันตัวตนข้ามธนาคารผ่าน NDID หลังจากนี้มีความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดไปสู่เรื่องของการตรวจเครดิตบูโร (National Credit Bureau: NCB) หรือ Statement นอกจากนี้ ภาครัฐยังสามารถใช้ประโยชน์จาก e-KYC และ NDID ได้อีกมาก เช่น กระทรวงสาธารณสุขสามารถนำ e-KYC ไปใช้ในการจัดทำข้อมูลสุขภาพของประชาชน เพื่อให้ประกันสามารถดึงข้อมูลไปใช้ เป็นต้น

สำหรับองค์กรที่อยากทราบข้อมูลของ NDID ให้มากขึ้น ทางสตรีมฯ สามารถให้คำปรึกษา วางแผน ไปจนถึงติดตั้งตัวระบบ และดูแลระบบของท่านให้ดำเนินการเป็นปกติเรียบร้อย เรามีประสบการณ์ในการทำ NDID ให้กับธนาคารชั้นนำ สนใจติดต่อฝ่ายการตลาด โทร. 02-679-2233 อีเมล Marketing@stream.co.th

0 1 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save