Skip to Content

Blog Archives

Facebook Shop ฟีเจอร์ใหม่ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรทราบ

Facebook - Shop

สวัสดีครับ หลังจากที่เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน  TeCS: Thailand eCommerce Summit 2016  ที่จัดขึ้นเมื่อวัน พุธ ที่ 22 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556  ที่ Grand Hyatt Erawan Hotel, กทม.  ภายในงานก็จะมีการเชิญเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce ของเมืองไทยมาพูดคุยแลกเปลี่ยนแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้เกิดผลสำเร็จ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ  ได้แก่ Conference Room, Workshop Room  หากใครที่ยังไม่เข้าไปในห้องก็สามารถเดินดูบูธของบริษัทต่างๆ ที่นำสินค้าของตัวเองมาจัดแสดง และสามารถถามข้อสงสัยกับเจ้าหน้าที่ประจำบูทได้  แต่ในบทความนี้เราจะขอพูดถึง  Workshop Room

Workshop Room จะเป็นห้องเหล่าเจ้าพ่อ eCommerce มาแนะนำและแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ปฏิบัติมาจนทำให้เกิดความสำเร็จกับธุริจในปัจจุบัน ซึ่งจะมี Workshop  อยู่มากมาย แต่เราจะขอพูดถึง Workshop  ที่เป็น Session  ของ Facebook ครับ ซึ่งเขาจะพูดเกี่ยวกับเนื้อหาของ Social Commerce (S-Commerce) และ Elevate your sales with the new facebook page shop ซึ่งเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ  สำหรับ Social Commerce  เราจะไม่ขอยกมาพูดในบทนี้ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้จาก [ Blog ของคุณ Thanakrit Promsiri คลิกเพื่ออ่าน ]


Facebook Shop ?

 

shop

ตอนนี้เทรนตลาด eCommerce กำลังมาแรงครับ  Facebook ได้พัฒนา New Feature สำคัญที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้า ขายของบน Facebook ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งเดิมที่จะสามารถเปิด  Fan page, Group  เพื่อขายสินค้าออนไลน์  เมื่อได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก  Facebook จึงได้ขยับมาเล่นในตลาดแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มตัว  จึงพัฒนาระบบดูแล page,group ที่มีประสิทธิภาพคือ  Facebook Shop  จัดเป็นกลุ่ม  Facebook for Business  ซึ่งเสริมฟังก์ชั่นให้ Facebook group, Fanpage ให้สามารถประกาศขายของภายในกลุ่มได้ และสามารถเลือกสั่งซื้อสินค้าและส่ง message ถึงเจ้าของร้านค้าได้อย่างง่ายดายครับ  จะมีเมนู  Shop  แสดงขึ้นมาที่  facebook fan page ครับ

 

Facebook Shop มีจุดเด่นอย่างไร ?

faceboo-shop
1. หมดปัญหาโพสต์ใหม่ดันโพสต์เก่าลงไปข้างล่าง การโพสต์ผ่าน “เมนู Shop” จะทำใช้ลูกค้าเห็นสินค้าในลักษณะแคทตาล็อกอยู่บนสุดของเพจอยู่เสมอ แล้วใช้วิธีสไลด์ภาพสินค้าจากซ้ายไปขวา ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในการสไลด์ดูรูปบน Facebook อยู่แล้ว

2. ในแคตาล็อกสินค้า มีปุ่มให้ Message หาผู้ขายได้โดยตรง ทำให้เพิ่มโอกาสลูกค้าติดต่อเข้ามาที่ร้านโดยตรงมากขึ้น โอกาสขายสินค้าเพิ่มก็มีมากขึ้น

3. โฆษณาสินค้าได้น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อนจะต้องลงแรงทำ Boost Post กันหน่อย

4. วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าง่ายขึ้น – การลงโฆษณาด้วยโพสต์แบบ “เมนู Shop” จะทำให้เจ้าของร้านเห็น Insight หรือข้อมูลสติถิทางพฤติกรรมได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่าสินค้าตัวไหนในแคทตาล็อกได้รับความสนใจมากที่สุด ตัวไหนทำให้คนตัดสินใจทักข้อความมาหาเจ้าของร้านมากที่สุด เป็นต้น

 

Add Shop menu  ให้กับ  Facebook  กันดีกว่า

 add-shop-facebook

  1. ในเพจจะมีปุ่มคำว่า “+ Add Shop Section”  ที่มุมขวาบนของเพจ หากต้องการเพิ่ม Shop ก็สามารถคลิกเข้าไปได้เลยเลยครับ จากนั้นจะมี Pop up  แสดงขึ้นมา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม  Add Shop Section
  2. จากนั้นเพิ่มสินค้าให้กับ Shop ครับ
    add product to shop
  3. ภายใน Shop ของเราก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายแล้วครับ
    macbook proเขียนและเรียบเรียงโดย
    Prawit Saraphan
0 0 Continue Reading →

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

มูลค่ายอดขาย E-Commerce ในประเทศไทย – ภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

            ในบทความนี้เราจะเจาะมูลค่ายอดขายของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1.Consumer electronic ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวกอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย เช่น TV, Notebook, Laptops, Smartphone, Tablet  ในกลุ่มนี้เราจะเห็นว่ามีการแข่งขันกันหลายเจ้าที่โด่งดังในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น J.I.B. , Advice, BaNANA IT, IT City, AIS, True, Dtac ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด

2.Physical media ที่ครอบคลุมสินค้าจำพวก หนังสือ,DVD ,CD ,Blu-ray Disc ซึ่งในกลุ่มนี้มีผู้เล่นหลายเจ้า เช่น ร้านนายอินทร์, Se-ed, B2S ,ร้านหนังสือจุฬา เป็นต้น

เรามาดูว่ายอดขายประมาณการณ์ของภาคธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2014-2020 เป็นอย่างไร

R1

*ข้อมูลมูลค่ายอดขายนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสำรวจจากการซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้ (physical goods) และมีลักษณะ B2C ที่มีการซื้อขายผ่าน คอมพิวเตอร์ และ Mobile Devices

จากรูปด้านบน ภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่าน E-Commerce ในประเทศไทยของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าสูงถึง 1,076 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 37,660 ล้านบาท และในปี 2015 ที่ผ่านมา 40,775 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 8.3%  ในปี 2016 คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2014 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1,909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยถึง 66,815 ล้านบาท ในภาคธุรกิจนี้มีปริมาณยอดขายที่สูงที่สุดของ E-Commerce

 

อัตราการเติบโตยอดขายภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์(คิดเป็น%)

G1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2015 – 2020 สินค้าจำพวก Consumer electronic พุ่งจากปี 2015 ถึง 21.9% แต่จะแผวลงในปีต่อๆไป แต่ยังคงเป็นบวกอยู่ ในทางกลับกัน สินค้าพวก Physical media จากปี 2015 ตกลงไปเหลือ 3.9% แต่ในปีต่อๆไปเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก

จำนวน User ที่ซื้อสินค้าต่อปี

U1

จากกราฟจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2014 – 2020 จำนวน user ที่ซื้อสินค้าทั้ง Consumer electronic และ Physical media เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่น่าสนใจคือ สินค้าพวก Physical media มีจำนวน User เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2014 ถึง 2020 เป็นไปได้ว่าลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมจากการอ่านพวก Hard Copy มาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้จากธุรกิจนิตยสาร image ได้เปลี่ยนจากหนังสือนิตยสารมาเป็น e-magazine อย่างเต็มตัวเพื่อตอบพฤติกรรมของลูกค้า

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ในการซื้อสินค้าต่อปี (Average revenue per user)

A1

กราฟก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่ามีจำนวน User ต่อปีที่เท่าไรที่ซื้อสินค้า คราวนี้มาดูว่าแต่ละ User มีการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง

จากกราฟด้านบนตั้งแต่ปี 2014-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ User ที่ซื้อสินค้า Consumer electronic แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยจะอยู่ในช่วง 3,500 – 4,000 บาท ซึ่งคล้ายคลึงกับสินค้า Physical media ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนเช่นกัน อยู่ประมาณ 1,100 บาท

อัตราการเติบโตของภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้มูลค่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ มาจากผู้ใช้สามารถเข้าถึง Internet ในประเทศเพิ่มมากขึ้นและอุปกรณ์ IT ต่างๆ มีราคาลดลงและคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y,Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในการผลักดัน E-Commerce ในอนาคต

Picture Credit: www.statista.com/

_______________________________________________________________________

ไปต่อกับบทความ ยอดขาย  E-Commerce ในประเทศไทยแยกตามภาคธุรกิจ

_______________________________________________________________________

จากข้อมูลทั้งหมด ทาง Stream IT Consulting มี Solution ที่ตอบโจทย์ E-Commerce ทุกภาคธุรกิจ ได้อย่างครบถ้วน อย่างแน่นอน

banner

สนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย

 

เขียนและเรียบเรียงโดย Kittiphat Dumrongprat

Business Analyst

0 1 Continue Reading →

“Real-Time Payments Breakfast Briefing” by Stream IT Consulting

IMG_2961

สตรีม ไอที คอนซัลติ้ง ร่วมกับพันธมิตร D+H

ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านระบบการชำระเงินมาตรฐานโลกให้กับทางธนาคารขนาดใหญ่
จัดงาน “Real-Time Payments Breakfast Briefing” ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2559
ณ โรงแรม St. Regis เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยี Global Pay Plus
สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจธนาคารไปสู่ภูมิภาคอื่นๆทั่วโล
การทำแซทเทิลเมนต์และคิดค่าธรรมเนียมการบริการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินแห่งชาติ
NPMS (National Payment  Message Standard) บนมาตราฐาน ISO20022
ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไท

งานนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคธนาคารต่างๆให้การตอบรับที่ดีและเข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น
โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทางการเงินมาแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้กับ
Singapore’ s Fast and Secure Transfers (FAST) และ Australia’ s New
Payments Platform (NPP) รวมถึงเทรนใหม่ๆของ Immediate Payments Globally
ที่จะเสริมศักยภาพด้านการชำระเงินให้กับ P2P, C2B, B2C, B2B, G2C/C2G
โดยใช้ Payment Modernization Platform จากทาง D+H และสตรีม ไอที
คอนซัลติ้งจะเป็นผู้สนับสนุนบริการตามมาตรฐานของธนาคารเพื่อผลักดันให้
ธนาคารในบ้านเราสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ต่อไป

ภาพบรรยากาศในงาน

0 2 Continue Reading →

How to install Magento CE 2 and Sample Data

How to install Magento CE 2 and Sample Data

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.06 PM

Magento Community Edition 2.0.2

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการติดตั้ง  Magento CE 2  ที่แสนง่ายดายนะครับ เมื่อไม่นานมานี้ทางผู้พัฒนา eCommerce  รายใหญ่อย่าง Magento  ได้ปล่อยซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดชื่อว่า Magento Community Edition 2.0  ให้ดาวโหลดแล้วในหน้า  เว็บไซต์ของ Magento  ซึ่งได้ออกแบบและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาใหม่ทั้งหมด ส่งผลดีต่อระบบคือ ความเร็วเพิ่มขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง ที่สำคัญคือเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่าเดิม จากนั้นก็พัฒนาแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในขณะใช้งานจากนักพัฒนาทั่วโลก ปรับให้รองรับการทำงานบน PHP 7 ทำให้มีการอัพเดทซอฟแวร์เป็นเวอร์ชั่น 2.0.1 และภายหลังอาทิตย์เดียวก็มีการออกเวอร์ชั่น 2.0.2  เพื่อแก้ไขปัญหาของการอัพเดท แต่ไม่ได้แก่ไขบัคใดๆ  ผมขอใช้เวอร์ชั่นล่าสุดในการติดตั้งนะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.35.31 PM

Guide line

 

  • เลือกวิธีการติดตั้งที่คุณต้องการ
  • เลือกติดตั้งแบบไหนดี ?
    การติดตั้ง Magento CE 2.0.2  สามารถเลือกติดตั้งได้ 2 วิธีไดเแก้
  • กรณีที่ไม่ติดตั้ง Sample Data  เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมีเพียงระบบเท่านั้น จะไม่มีตัวอย่างสินค้าในระบบครับ แต่วิธีการติดตั้งไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง  Command line ครับข้อดีคือ ไฟล์ดาวโหลดมีขนาดเล็ก
  • กรณีติดตั้ง Sample Data  ทดสอบที่ทางผู้พัฒนาให้มากับซอฟแวร์ครับ  เป็นข้อมูลร้านค้าขายสินค้าชื่อว่า  Luma  เมื่อเลือกติดตั้งแบบ Sample Data แล้วจะมีหน้าร้านเป็น Luma  เลยครับสามารถทดสอบใช้งานระบบได้ทันที แต่การติดตั้งมีการใช้คำสั่ง Comand line นิดหน่อยนะครับ  ข้อเสียคือ ไฟล์ที่ดาวโหลดมีขนาดใหญ่ครับ

 

    • ดาวโหลด Magento CE 2.0.2
      คุณสามารถเข้าไปเลือกดาวโหลดได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาเลยครับ  คลิกเพื่อดาวโหลด  โดยเลือกดาวโหลดได้ทั้งแบบไม่ต้องมี Sample Data  และมี  Sample Data  แต่ขนาดไฟล์ก็จะแตกต่างกันไปครับ แนะนำให้ดาวโหลดไปไฟล์ zip นะครับ

Screen Shot 2559-03-23 at 3.36.28 PM

 

  • ความต้องการของระบบก่อนทำการติดตั้ง Magento CE 2.0.2  ควรเช็คว่าซอฟแวร์ต้องการอะไรบ้าง เพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของระบบ

 

    • ระบบปฏิบัติการ :  Linux distributions such as RedHat Enterprise Linux(RHEL), CentOS, Ubuntu, Debian และอื่นๆ
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  Linux ubuntu 14.04
    • Apache 2.2 หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  apache 2.2
    • PHP 5.5.X ,  PHP 5.6.x , หรือสูงกว่า
      • โน๊ต :  Magento CE 2  ไม่รองรับ  PHP  5.4
      • โน๊ต :  ผู้เขียนใช้  PHP 7
    • PHP Extensions ที่จำเป็น
      • PDO/MySQL
      • mbstring
      • mcrypt
      • mhash
      • simplexml
      • curl
      • gd2, imageMagick  6.3.7 หรือมากกว่า
      • soap
      • intl
      • bc-math
      • openssl
    • MySQL 5.6.x
      • โน๊ต : ผู้เขียนใช้  MySQL 5.6.28
    • Composer  1.x  
      • โน๊ต :  composer มีไว้เพื่อใช้ในการดาวโหลด  Package หรือ library  ที่จำเป็นของระบบจากแหล่งต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในไฟล์ composer.json
    • Mail Transfer Agent (MTA) หรือ SMTP Server
    • ไม่บังคับแต่ควรมีไว้
      • php_xdebug 2.2.x  เพื่อใช้ในการ Debug เวลาพัฒนา  Extensions ร่วมกับ  Magento CE 2
      • PHPUnit 4.1.x  เพื่อใช้ในการเขียน Unit test

 

  • ติดตั้ง  Magento CE 2.0.2

    เมื่อคุณตรวจสอบความถูกตามที่ระบบต้องการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถทำตามขั้นตอนการติดตั้งดังต่อไปนี้ได้เลยครับ

 

ทำการ Extract file Zip  ที่ดาวโหลดมาและ  Copy  ไปวางไว้ที่  Web root  ของผู้เขียนจะอยู่ที่  var/www/html/

Screen Shot 2559-03-23 at 3.37.24 PM

    • สร้างฐานข้อมูล

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.13 PM

    • Composer install  และ Deploy  Sample Data

Composer Install
เปิด  Command Line  ขึ้นมาจากนั้นก็เข้าไปในตำแหน่งในโฟล์เดอร์ของ Package ใน  Web root  ถ้าเป็น Linux  อย่าลืมเปลี่ยนผู้ใช้งานเป็น  root ด้วยนะครับ จากนั้นพิมพ์คำสั่ง
php composer.phar  install

Screen Shot 2559-03-23 at 3.38.47 PM

      • จากนั้น Composer จะไปตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Library และดาวโหลด  Library  มาไว้ใน  Package  หากไม่มีการแก้ไขเวอร์ชั่น ก็จะไม่ดาวโหลดลงมาแบบตัวอย่าง

Deploy Sample Data
เพื่อไปตรวจเช็คและอัพเดทข้อมูล  Sample Data  จากเว็บหลักของ Magento  ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณทำถูกวิธี  ดูคำอธิบายเพิ่มเติม  นอกจากนั้นคุณจะต้องสร้าง Authentication Key  และนำมาใช้ในการ  Composer Add Key   และท้ายสุดก็สามารถทำการ  deploy  ได้ครับ
php bin/magento sampledata:deploy

Screen Shot 2559-03-23 at 3.39.13 PM

    • ติดตั้ง Magento มีทั้งหมด  7  ขั้นตอน

      ใช้โปรแกรม web browser ที่คุณใช้เป็นประจำ ระบุ  URL  ไปที่ตำแหน่งที่คุณวาง Package  ไว้ใน Web Server  ผู้เขียนใช้  127.0.0.1/mage2  นะครับ

      • ขั้นตอนที่ 1  :  Agree and Setup เป็นหน้าแรกสำหรับการติดตั้ง กดปุ่ม Agrea and Setup Magento เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.14 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 2  :  ตรวจสอบความถูกต้องของระบบก่อนติดตั้ง  หากผ่านทุกขั้นตอนคลิกปุ่ม Next เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป

Screen Shot 2559-03-23 at 3.40.48 PM

      • ขั้นตอนที่ 3 :  ติดตั้งฐานข้อมูล เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Database Server Host :  กรอกชื่อ หรือ IP ของโฮสต์ ค่าเริ่มต้นคือ  localhost
        • Database Server Username :  กรอกชื่อผู้ใช้งาน ค่าเริ่มต้นคือ root
        • Database Server Password :  กรอกรหัสผู้ใช้งาน
        • Database Name :  กรอกชื่อฐานข้อมูล
        • Table prefix :  กรอกคำนำหน้าตาราง (สามารถเว้นว่างได้)

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.25 PM

      • ขั้นตอนที่ 4  :  ตั้งค่าเว็บไซต์  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Your Store Address : คือ url ของเว็บไซต์หน้าบ้านสำหรับลูกค้า
        • Magento Admin Address : คือ url ของเว็บไซต์หลังบ้านสำหรับผู้ดูแลระบบ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.41.54 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 5  :  ตั้งค่าโซนเวลา ภาษา และสกุลเงิน  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • Store Default Time Zone :  เลือกโซนเวลาที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Currency  :  เลือกสกุลเงินที่ใช้ภายในร้านค้า
        • Store Default Language :  เลือกภาษาที่ใช้ภายในร้านค้า

Screen Shot 2559-03-23 at 3.42.31 PM

 

      • ขั้นตอนที่ 6  :  ตั้งค่าร้านค้า เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next เพื่อสู่ขั้นตอนต่อไป
        • New Username :  กรอกรหัสผู้ใช้สำหรับผู้ดูแลระบบ
        • New Email :  กรอกอีเมล์ผู้ใช้งาน
        • New Password : กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน
        • Confirm Password : กรอกยืนยันรหัสผ่านผู้ใช้งาน

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.09 PM

      • ขั้นตอนที่ 7  :  ติดตั้งระบบใช้เวลาไม่นาน หากติดตั้งใน Linux  แนะนำให้  Change Permission Package ก่อนเพื่ออนุญาตให้ระบบสามารถอ่านไฟล์และเขียนไฟล์ได้

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.43.40 PM

เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์จะแสดงผลลัพธ์แบบนี้ ระบบจะแจ้งสิ่งที่จำเป็นในการเรียกใช้งานระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน คุณควรจดจำให้ดี แนะนำให้เขียนใส่โน๊ตไว้เพื่อป้องกันลืมครับ

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.44.11 PM

    • ตัวอย่างหน้าร้าน LUMA

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.01 PM

 

    • ตัวอย่างหลังหลังบ้าน Admin login

 

Screen Shot 2559-03-23 at 3.45.31 PM

 

Prawit Saraphan

ขอขอบคุณภาพประกอบภาพที่ 1 จากเว็บไซต์ magento
เขียนและเรียบเรียงโดย  Prawit Saraphan

 

0 0 Continue Reading →

Magento 2.0 – What’s new?

Magento 2.0

Magento 2.0 – What’s new?

Next Generation Digital Commerce Platform

มีข้อสงสัยกันเข้ามามากเกี่ยวกับ Magento 2.0 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เร็วขึ้นมั้ย รองรับเทคโนโลยีอะไรบ้าง UI ละ แล้ว Framework เปลี่ยนมั้ย เลิกใช้ prototype หรือยัง Theme สวยมั้ย และจะพัฒนาต่อไปในทิศทางไหน โน่น นี่ นั่น บลา บลา บลา วันนี้เรามาลองดูกันครับ

ก่อนอื่น ผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่า Magento เป็น eCommerce Solution ที่อยู่ในกลุ่มผู้นำของตลาด ทั้ง Open Source และ Enterprise เดี๋ยวเราลองมาสรุปภาพรวมของ Magento โดยคร่าวๆกันก่อน

  • Magento เริ่มต้นพัฒนาในปี 2007 โดย Varian Inc.
  • 2008 Beta Software ชุดแรกถูกส่งออกมา
  • 2010 eBay Inc. เข้ามาสนับสนุนโดยถือหุ้น 49% 1
  • 2011 ถูกซื้อเข้าไปอยู่ใน eBay Inc.
  • 2015 Magento ถูกควบรวมโดย Permira Funds 2
  • 2015 Official launch Magento 2.0

Magento 2 / A New Era Of Commerce Innovation 3

ใน blog ของ magento เอง ได้กล่าวไว้ว่า Magento 2.0 เป็น Next Generation Digital Commerce Platform ที่จะมาช่วยใน การส่งเสริมตราสินค้า, การค้าปลีก หรือ การทำธุรกิจ ทั้งแบบ B2C และ B2B โดยมุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็วในการส่งมอบ และความคุ้มค่าของการลงทุน บนระบบ digital commerce ในแบบ Omnichannel

Magento 2.0 ยังคงเพิ่มความสามารถในการทำงานได้รวดเร็วขึ้น, มีความสามารถใหม่ๆที่จะช่วยในการเพิ่มยอดขาย อีกทั้งมีการเพิ่มคุณภาพของตัวระบบ Magento 2.0 เองด้วย

Magento 2.0 ยังคงมี 2 เวอร์ขั่นให้เลือกใช้เช่นเดิม คือ Magento Enterprise Edition 2.0 และ Magento Community Edition 2.0

Enterprise-grade Scalability and Performance

ใน Magento 2.0 ความเร็วในการโหลดหน้าเวปจะเร็วขึ้นราวๆ 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Magento 2.0 ใส่ Vanish มาให้ตั้งแต่ on-the-shelf Software เลย นอกจากนี้ Admin Panel ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการทำงานของผู้ดูแลระบบได้พร้อมๆกันได้มากขึ้น

Secure Payments

Magento 2.0 มาพร้อมกับระบบการจ่ายเงินของ Paypal, Braintree และ Authorize.net และ Magento Enterprise Edition 2.0 ยังรอบรับ Worldpay และ CyberSource เพิ่มขึ้นอีก

ระบบ security ที่ดีของ Magento 2.0 ยังมีผลให้ การขอ PCI compliance ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

New default theme and admin GUI

บน Magento 2.0 มีการใช้ Frontend theme ใหม่ codename “Luma” ซึ่งเน้นมุมมองที่สะอาด แต่เตะตา มีการเปลี่ยนแปลงจาก Magento 1 – Madison Island theme พอสมควรทั้งทางด้านโครงสร้างภาพบนหน้าจอ การรองรับ Responsive แบบสมบูรณ์กว่าเดิม และความเร็วที่เพิ่มขึ้น

magento 2.0

ในด้าน Admin Panel ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น การตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับระบบทันสมัยมากขึ้น

Magento 2.0

No more Prototype

จากวันที่ Magento เริ่มพัฒนา ในวันนั้น jQuery ยังคงไม่แข็งแรงพอที่จะถูกเลือกมาใช้งาน ในวันนั้น Prototype จึงถูกเลือกมาใช้งานเป็น JavaScript framework หลัก และยังคงถูกใช้งานเป็นหลักใน Magento 1 จนวันนี้ Magento 2.0 ได้ก้าวออกมาและได้ใช้ jQuery เป็นตัวหลักแทน (เย้ เย้ เย้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ)

magento

Magento 2.0 Roadmap

การที่ Magento มี roadmap ที่ชัดเจน มีผลให้การ implement ระบบ eCommerce ทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะในยุค digital ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆค่อนข้างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตัวผู้ค้าเองก็ต้องมีการวางแผนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หัวข้อหลักๆที่น่าสนใจ

  • Elasticsearch support
  • Content staging
  • B2B specific enhancements
  • Personalization capabilities
  • Enhanced analytics capabilities
  • and much, much more.

Magento 2.0 อยู่บน github แล้วนะครับ

https://github.com/magento/magento2

Magento Enterprise Edition 2.0 Pricing Model

อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดของ Pricing Model ตรงนี้ได้ แต่คงกล่าวได้ว่า Magento Enterprise Edition 2.0 มีการเปลี่ยน Pricing Model จากเดิม (per instance) โดยราคา license จะเปลี่ยนไปโดยอิงกับยอดขายสินค้าเป็นหลัก4 ร้านค้าที่ยอดขายน้อย ค่า license อาจจะถูกกว่าร้านค้าที่มียอดขายมาก ราคาดังกล่าวสามารถแข่งกับ Enterprise eCommerce Platform อื่นๆได้อย่างแน่นอน หากท่านมีความสนใจที่จะใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขายของเรา marketing@stream.co.th เราเป็น Magento Partner หนึ่งเดียวในประเทศไทย5

stream magento

0 0 Continue Reading →

มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น

มาทำความรู้จักกับ Robot Framework เบื้องต้น

ว่าด้วยเรื่องของการทำ Acceptance Testing หรือการทดสอบการทำงานของระบบที่สร้างขึ้น ให้ง่ายและรวดเร็วด้วยการทำ Automate Testing นั้น Framework ที่น่าสนใจตัวหนึ่งคือ Robot Framework

Robot Framework คือซอฟต์แวร์ Open Source ที่ สำหรับการทำ Acceptance Testing และ ATDD (Acceptance Test-Driven Development) โดยมีรูปแบบ Syntax ที่เป็นภาษาเขียนธรรมดาทำให้การ Test ระบบไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

 

สิ่งที่จะต้องใช้ในการติดตั้ง Robot Framework

  • Python Version 2.xx
  • Pip
  • Subline Text Version 2 หรือ 3
  • Web Browser : Firefox
  • อินเตอร์เน็ต

 

  • การใช้งาน

ก่อนอื่นต้องทำการติดตั้ง Selenium WebDriver กันก่อน ซึ่ง Robot Framework มี Library ที่เป็น Standard มาให้อยู่แล้ว ชื่อว่า Selenium2Library ด้วยคำสั่ง

$pip install robotframework-selenium2library

โครงสร้างหลักใน Robot Framework

 

Screen Shot 2559-02-17 at 2.02.25 PM

1.1 Settings ในส่วนนี้จะเป็นการกำหนด Library ที่เราต้องการจะหยิบ Keyword ใน Library ไหนมาใช้งาน ซึ่ง Library เปรียบเสมือน Dictionary ที่รวมเอา Keyword ทั้งหมดที่จะนำไปเขียนคำสั่ง Test แบ่งเป็น Library Standard, External และ Other

 

Screen Shot 2559-02-17 at 2.03.17 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.03.50 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.04.22 PM

การกำหนด Library ที่จะใช้ ในที่นี้เลือกใช้ Standard Library

รูปแบบคำสั่ง

         Library           <<Library Name>>

         ตัวอย่าง

                  Library                Selenium2Library

Screen Shot 2559-02-17 at 2.05.12 PM

1.2 Keyword ในส่วนนี้จะใช้ในกรณีที่เราต้องการที่จะสร้าง Keyword ของเราขึ้นมาใช้งานเอง ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะในไฟล์นี้เท่านั้น ซึ่งใน Keyword เราอาจจะสร้างชุดคำสั่งย่อย ๆ ขึ้นมาอีก

Screen Shot 2559-02-17 at 2.06.04 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.06.35 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.07.19 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.07.43 PM

1.4 Test Cases คือส่วนของการเขียน Test Cases และการนำ Keyword มาเขียนเป็นชุดคำสั่งในส่วนนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญในส่วนนี้คือ ชื่อ Test Cases เพราะไม่มีการตั้งชื่อให้กับ Test Cases ก็จะไม่สามารถ Run คำสั่งทั้งหมดในไฟล์นี้ได้

Screen Shot 2559-02-17 at 2.08.17 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.08.54 PM

 

โครงสร้างที่สำคัญในการ Run Test Case คือ Setting และ Test Cases ซึ่งในการสร้างไฟล์สำหรับ Test ด้วย Robot ทุกครั้ง จะต้องมี 2 ส่วนนี้ มิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถทำงานได้ ส่วน Keywords กับ Variables อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้

Keyword อื่น ๆ ของ Selenium2Library

เมื่อสร้างชุดคำสั่งตาม Stucture ดังภาพที่ 6 เรียบร้อยแล้วสร้างโฟลเดอร์ชื่อ Robot ไว้ในไดร์ฟ D: (หรือจะ Save ไว้ในไดร์ฟอื่นก็ได้) แล้วทำการ Save ไฟล์ Test.txt ไว้ในโฟล์เดอร์

Screen Shot 2559-02-17 at 2.09.33 PM

จากนั้นสั่ง Run ไฟล์ผ่าน Sublime ได้เลย โดยกดคีย์ Ctrl+B

Screen Shot 2559-02-17 at 2.10.08 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.11.10 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.11.55 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.12.46 PM

Screen Shot 2559-02-17 at 2.13.28 PM

  • สรุปข้อดีของการทำ Automate Testing ด้วย Robot Framework
  1. ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะมีโครงสร้างการทำงานที่ไม่ซับซ้อน
  2. Keyword ที่ใช้ เป็นภาษาเขียน ที่เราใช้กันอยู่แล้ว
  3. สามารถ Test ระบบได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา

 

 

________________________________________________________________________

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Robot framework

________________________________________________________________________

เรียบเรียงโดย

ทัศนีย์ คัดเจริญ
Thasanee Kudcharoen
Quality Assurance

 

0 13 Continue Reading →

Line Pay with Magento

Line Pay with Magento

Line Pay เป็นเเพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือที่ผูกกับบัตรเครดิต/เดบิต ใช้ชำระสินค้าแทนกระเป๋าเงิน ซึ่งสะดวกและปลอดภัยเพราะ Line Pay มีระบบ OTP และ Touch ID ในการยืนยันตัวตน

เเบ่งประเภทเป็น 2 ประเภท คือ ลูกค้า กับ ร้านค้า

 

1.วิธีการสมัครLine Pay ของลูกค้า

  • ลงทะเบียน Line pay via Line App

Screen Shot 2559-01-31 at 10.06.19 AM

  • เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิต หลังจากกรอกแล้วครั้งต่อไปที่มีการชำระเงินก็ไม่ต้องใส่ข้อมูลบัตรทุกครั้ง บัตรที่สามารถใช้ได้ คือ VISA MASTER JCB เท่านั้น และสามารถใส่ข้อมูลบัตรได้ถึง3 ใบ ใน 1 account

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.10 AM

  • การชำระเงิน จะใช้บัตรเดบิต/เครดิต หรือการเติมเงินใส่Line pay ในการซื้อสินค้าหรือบริการกับร้านค้าที่ร่วมรายการ

Screen Shot 2559-01-31 at 10.07.45 AM

2.วิธีการเชื่อมต่อLine Payเข้ากับ Magentoหรือเข้ากับเว็บไซต์ร้านค้า

1.สมัครLine Pay ก่อนตามลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_TH

1.1 คลิ๊กลงทะเบียน กรอกข้อมูลสมัครและส่งเอกสารให้เรียบร้อย

Screen Shot 2559-01-31 at 10.08.33 AM

Screen Shot 2559-01-31 at 10.09.16 AM

2.เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย จะได้ username และ password มา

คลิ๊ก Mypage ในลิงค์นี้ https://pay.line.me/th/intro?locale=th_THแล้วจะมีให้Login

Screen Shot 2559-01-31 at 10.13.45 AM

3.เมื่อLogin เข้ามาแล้วจะเห็นเป็นหน้าจอแบบนี้ คลิ๊ก Manage Payment Server IP แล้วก็กรอกไอพีสำหรับจัดการPayment server

Screen Shot 2559-01-31 at 10.14.35 AM

4.คลิ๊กเลือก Manage Link Key แล้วใส่รหัสที่ได้รับจากLine Payที่ส่งเข้ามาในemail

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.12 AM

5.หลังจากใส่รหัสผ่านเสร็จก็จะเห็นChannel ID and Channel secret Key เก็บรหัสตรงนี้ไว้ จะได้รหัสมา2ชุด เป็น sandbox mode และ real modeจะนำรหัสตรงนี้ไปใส่ใน payment method

การติดตั้งLine Pay

1.ไปที่admin panel System -> Magento Connect -> Magento Connect Manager

Screen Shot 2559-01-31 at 10.15.44 AM

2.คลิ๊ก Plugin Download จาก https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

เลือกไฟล์ magento_0.7.0.tgz แล้วคลิก “Upload”

Screen Shot 2559-01-31 at 10.16.38 AM

3. คลิ๊กอัพโหลดจะแสดงหน้าจอด้านล่าง

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.17 AM

4. พอติดตั้งเสร็จแล้วไปที่admin panel -> system -> configuration ->Payment Method -> Line Pay แล้วเริ่มการใช้ enabled เป็น Yes กรอก Channel Info และ Development ที่ได้มาถ้าต้องการTest การชำระเงินให้เปิดโหมดsandbox เป็น yes

Screen Shot 2559-01-31 at 10.19.41 AM

5. หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยเราก็สามารถที่จะเลือกช่องทางการชำระเงินเป็นLine Pay ได้ทางหน้าเว็บไซต์ของร้านค้าของMagento

Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.16 AM Screen Shot 2559-01-31 at 10.20.25 AM

  • Login การชำระเงิน หรือใช้Smartphone scan QR code เพื่อชำระเงินสินค้า
  • ในกรณีเลือกการScan QR Code ลูกค้ายืนยันการซื้อด้วยLine Pay

 

 

  • พอชำระเงินเสร็จเรียบร้อยด้านหน้าเว็บไซต้ของร้านค้าก็จะเเสดงหน้าจอแบบนี้ขึ้นมา

Reference:http://www.click-end.com/wp/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A/#prettyPhoto

http://line.me/th/pay

https://pay.line.me/developers/magento/install?locale=th_TH

 

 

Kanyarat Povorasin

เรียบเรียงโดย

กัญญารัตน์ โพธิ์วรสิน

Kanyarat Povorasin

Magento Certified Developer Plus

https://www.magentocommerce.com/certification/directory/dev/2133171/

 

0 0 Continue Reading →

กลยุทธ์ Social HR มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน?

กลยุทธ์ Social HR มันคืออะไร?

พวกเรามนุษย์ทำงานปัจจุบันก็อยู่บนโลกโซเชียลกันอยู่แล้ว แต่องค์กรต่างๆจำเป็นที่จะต้องปรับฝ่ายบุคคลให้ทันสมัยกับโลกโซเชียลอย่างไร?

เคล็ด (ไม่) ลับคืออะไรหรือ?

  1. เราอาจไม่ทราบ แต่องค์กรที่เปิดให้พนักงานสื่อสารและแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านโซเชียลนั้น จะสร้าง employee engagement ได้มาก และจะสามารถรักษาบุคคลากรดีๆไว้กับองค์กรได้ดีกว่าองค์กรที่ไม่เปิดรับโซเชียล ในโลกของยุคข่าวสารข้อมูล ต้องยอมรับว่าโซเชียลเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสาร และคุณอาจแปลกใจว่าโซเชียลนั้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนทุกเจอเนอเรชั่น เผลอๆ อาจจะช่วยเชื่อมต่อคนต่างเจอเนอเรชั่นได้ด้วย เพราะทุกคนมีสิทธิในการออกความเห็นเท่าเทียมกัน และการสื่อสารนี้จะช่วยให้เข้าใจมุมมองของคนที่เห็นต่างได้ดียิ่งขึ้น แต่องค์กรก็ต้องสนับสนุนวัฒนธรรมในการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลนี้ด้วยนะ
  2. พนักงานช่วยเราสร้างแบรนด์ได้นะ โดยเฉพาะหากเรามีกิจกรรมที่มีสีสรรค์ น่าสนใจ การที่เราได้เพื่อนพนักงานเรามาช่วยเป็น แบรนด์ แอมบาสซาเดอร์ หรือทูตสันถวไมตรีให้แบรนด์เรานี่ จะได้ผลกว่าการทำการตลาดผ่านช่องทางอื่นถึง 30 เท่าเชียวนา ทำเป็นเล่นไป โซเชียลนี่ก็มีดีนะ แถมได้ส่งเสริมความสัมพันธ์เราภายในองค์กรอีกด้วย
  3. โอว.. ข้อนี้สำคัญสุดๆ – โซเชียลช่วยเพิ่มรายได้เราเท่าทวีคูณ หรือสัก 4 เท่ากว่าองค์กรที่ไม่ใช้โซเชียลทีเดียว แถมรายได้ต่อหัวพนักงานยังเพิ่มขึ้นถึง 24% อันนี้น่าจะมาจากความรวดเร็วของการแชร์ข้อมูลส่วนหนึ่ง และการ know who คือรู้ว่าใครเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องใดในองค์กร ช่วยให้พบปะหารือกันง่ายขึ้น ช่วยสร้างบรรยากาศการ collaboration ได้อย่างจริงจัง เพราะทุกคนตื่นตัว และเปิดรับข้อมูลข่าวสาร เติมมุมมองในการแก้ปัญหาและหาโซลูชั่น แถมมีกลิ่นอายความสนุกสนาน จน “งาน” ไม่เหมือนเป็น “งาน” แต่เป็นการร่วมงานกันระหว่าง “เพื่อน” ที่มีความสนใจตรงกัน และสนุกกับการที่ได้เห็นผลลัพท์ของการได้ทำงานแบบเชิงรุกด้วยกัน

 

ฟังแล้วน่าสนุกดีไหมคะ? แล้วองค์กรเพื่อนๆเป็นองค์กรโซเชียลแล้วหรือยังคะ?

…เรายังรีรออะไรอยู่?

 

Social HR strategy

อ่านเพิ่มเติม: Hootsuite

0 1 Continue Reading →

มุ่งสู่ Digital Marketing Excellence…

แผนภุมิ Digital Marketing Excellence ..เรียนรู้จากบริษัทที่ปรึกษา Smart Insights เดินตามแผนนี้เพื่อแผนการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

Capability Framework คงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเราที่เคยทำกระบวนการการปรับปรุงคุณภาพมาแล้วนะคะ แต่ว่าคราวนี้ นำมาใช้กับนักตลาดยุคใหม่ เพื่อต่อยอดแผน Digital Marketing เพื่อมุ่งเน้นคุณภาพ ด้วยการตั้ง KPIs หรือตัวชี้วัดผลงานจาก Volume-based มาเป็น Value-based จนกระทั่งถึง Lifetime-value ในที่สุด

รวมถึงการ engage กลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆ จาก Integrated web, mobile, email and social media ไปสู่ Full contextual personalized experiences and recommendations

ซึ่งการจะไปสู่จุดนี้ได้ก็ต้องอาศัย Big Data Analytics ล่ะค่ะ ในการนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์ และแปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่ดีเลิศแก่ลูกค้าของเรา ผ่านช่องทางต่างๆ

Smart Insights Digital Excellence capability framework will help you review how effectively your digital marketing is managed across seven key areas:

  • A. Your Strategic approach
  • B. Evaluation and performance improvement process
  • C. Management buy-in to investment in digital marketing
  • D. Resourcing and structure for digital including integration
  • E. Data and infrastructure or platforms
  • F. Integrated customer communications across Paid-Owned-Earned media
  • G. Integrated customer experiences across desktop and mobile devices

 

Digital Marketing Capabilities Model - Smart Insights

 

 

Source: Smartinsights.com – Digital Transformation

 

 

0 0 Continue Reading →

หัวใจ 3 ข้อของ Digital Transformation…

เรามาถูกทางหรือยังกับ Digital Transformation? 

เชื่อว่าคุณคงได้เริ่มต้นเดินทางในเส้นทางสายนี้มาแล้ว ทีนี้มาลองเช็คดูว่าเรามองภาพครบหรือยัง?

ห้วใจ 3 ข้อใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลคือ:

1. วิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ

2. การมุ่งเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าในมิติดิจิทัล

3. การมีทีม Digital Transformation ที่แข็งแกร่ง เข้าใจทิศทาง

ในความเห็นส่วนตัว ข้อ 1 และข้อ 2 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้น เราคงต้องศึกษาข้อมูลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจเราหรือที่ใกล้เคียงกับเรา เพื่อให้ความคิดเราตกผลึก ว่าการคิดใหม่ทำใหม่จะทำได้อย่างไร เทคโนโลยีที่มีรอบตัวเรานั้น จะมาช่วยสร้างให้เรา connect โดยตรงกับลูกค้าเราทั้ง B2B (คู่ค้า) และ B2C (ผู้บริโภค) ได้อย่างไร?

สำหรับลูกค้าแล้ว เราต้องใส่ใจ Customer experience ในทุกขั้นตอนของ Lifecycle และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อที่จะนำมาปรับปรุงบุคคลากร กระบวนการทำงาน และเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย และเพื่อให้เส้นทางดิจิทัลของลูกค้าเราราบรื่นและมีประสิทธิภาพที่สุด

จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือทีม Transformation และการบริหารการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรแล้วล่ะค่ะ

The Three Elements of Digital Transformation - Altimeter Group
Element #1: Vision and Leadership. Digital transformation is an emergent movement and not yet recognized as a formal priority or effort by most businesses. This requires those leading or attempting to get a digital transformation program in motion to make the business case. But, the business case needs more than evidence or anecdotes; it needs a story and a vision for what it looks like and what it delivers.

Digital Customer Experience - Altimeter Group
Element #2: Digital Customer Experience. Digital customer experience begins with research, not guesswork, to study personas, behaviors, and expectations throughout every stage of the customer lifecycle. Once armed with information, digital transformation takes shape by specifically aligning people, processes, and technologies against goals and milestones to map a new and effective journey for digital customers.

Digital Transformation Checklist - Altimeter Group
Element #3: The Digital Transformation Team. In many cases, we learned that organizations form special teams to bring people together to start talking and put change into motion. These teams go by many names: digital circles, Centers of Excellence (CoE), rapid innovation teams, digital acceleration teams, and more.

Source: Altimeter Group

0 0 Continue Reading →

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save